“สนธิรัตน์”เปิดตัว"นิพิฏฐ์" ขุนพลภาคใต้-ดร.พลกฤษณ์"ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พัทลุง

“สนธิรัตน์”เปิดตัว"นิพิฏฐ์" ขุนพลภาคใต้-ดร.พลกฤษณ์"ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พัทลุง





ad1

พัทลุง-“สนธิรัตน์”แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดตัว"นิพิฏฐ์" ขุนพลภาคใต้ -"ดร.พลกฤษณ์"ว่าที่ผู้สมัครของพรรคในเขตเลือกตั้งพัทลุง เขต 2

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 65  ที่ห้องประชุมโรงแรมศิรารอยัล อ.เมือง จ.พัทลุง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ได้เปิดตัวนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ขุนพลภาคใต้ของพรรค และเปิดตัว ดร.พลกฤษณ์ คล้ายวิตภัทร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการและชุมสัมพันธ์พัทลุง มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง  เป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรคในเขตเลือกตั้ง จ.พัทลุง เขต 2 

นายสนธิรัตน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพที่ลำบากจึงต้องมีพรรคการเมืองที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง มาบริหารประเทศ ซึ่งพรรคมีทีมเศรษฐกิจที่ดีกว่าทุกพรรค 

“เราต้องตอกเสาเข็มเพื่อสร้างอาคารของประเทศกันใหม่ สำหรับภาคใต้นั้นเป็นพื้นที่ที่อ่อนไหวที่สุดของประเทศ เราจะให้ภาคใต้เป็นพื้นที่ทดลองของนักการเมืองไม่ได้แล้ว ไม่อยากเห็นชาวใต้ต้องทิ้งรักเก่า อกหักรักใหม่ พรรคพร้อมแล้วที่จะปักธงในภาคใต้” 

ทางด้านนายนิพิฏฐ์  กล่าวว่า ตนเป็น ส.ส.มาแล้ว 8 สมัย  28 ปี แต่สมัยที่ 9 ต้องพ่ายแพ้ให้พรรคภูมิใจไทย  แต่ในขณะนี้ จ.พัทลุง เป็นพื้นที่นอกอนาเขตประชาธิปไตย เพราะไม่มี ส.ส.พัทลุงในสภา  เนื่องจากศาลฏีกาฯ สั่งให้ ส.ส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ถึง 2 ราย และการที่พรรค ปชป. เป็นฝ่ายค้านที่ยาวนานนั้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภาคใต้ล้าหลังในการพัฒนา 

“ก็ต้องฝากไปยังชาวไทยทั่วประเทศว่าหากจะเลือกพรรคการเมืองสำหรับตนเองก็ให้เลือกพรรคที่เลือกมาแล้ว แต่หากจะเลือกพรรคการเมือง เพื่ออนาคตต่อบุตรหลานก็ต้องเลือกพรรคสร้างอนาคตใหม่”  นายนิพิฎฐ์  กล่าว  

พรรคอนาคตไทย เนื่องจากมีทีมเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบดีกว่าพรรคการเมืองทุกพรรคของประเทศไทย พรรคจะไม่มีการสืบทอดทายาททางการเมือง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาร่วมนั้นทุกคน จะไม่พูดเรื่องการเมือง  แต่จะร่วมกันคิดนโยบายที่ทำได้ เพื่อสร้างอนาคตให้กับคนรุ่นใหม่ 

นายสนธิรัตน์  ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า สภา ที่มีอยู่แต่ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ นัยทำให้ประชาชนและประเทศชาติสูญเสียโอกาส ซึ่งผู้นำประเทศจะต้องพิจารณาโดยใช้ประชาชนเป็นจุดศูนย์กลาง มิใช่เพื่อพวกพ้อง ขณะนี้รัฐบาลคงคิดอยู่แล้วว่าจะยุบหรือไม่ยุบสภา หากคิดถึงประชาชนจะต้องทำอย่างไรเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจจะต้องพิจารณา และประเมินว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน 

“สำหรับในพื้นที่ภาคใต้นั้นมีผู้แจ้งความประสงค์จะเข้ามาร่วมกับพรรคจำนวนมาก และก็มั่นใจว่าทางพรรคจะสามารถปักธงในพื้นที่ภาคใต้ ได้อย่างแน่นอน”.