เมื่อพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่
ส่งผลต่อวิถีเกษตรกรรม
“น้ำ” คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่หลายชุมชนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น
น้ำท่วม น้ำแล้ง หรือ
การขาดแคลนแหล่งน้ำสำรอง ยิ่งในยุคที่สภาพอากาศแปรปรวน การบริหารจัดการน้ำจึงไม่ใช่เรื่
องไกลตัวอีกต่อไป

“เมื่อปี 2564 หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้
าของเรา มีปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก จนต้องซื้อน้ำมาใช้ในการเลี้
ยงหมูและปลูกพืช แต่เมื่อฝนตกหนัก กลับมีปัญหาน้ำท่วมขัง จึงนึกถึงแนวคิด
“ธนาคารน้ำใต้ดิน” ซึ่งเป็นระบบเติมน้ำฝนหรือน้ำส่
วนเกินในฤดูฝน ลงไปเก็บในชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดิน เหมือนการออมทรัพยากรธรรมชาติ
ไว้ใช้ยามจำเป็น เราจึงเริ่มทำโครงการนับตั้งแต่
นั้นมาก็ไม่เคยมีปัญหาภัยแล้
งหรือน้ำท่วมขังอีกเลย”
ภักดี ไทยสยาม ประธานกรรมการ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บอกเล่าถึงที่มา

โครงการเริ่มต้นด้วยการร่วมมื
อกันของเกษตรกรในหมู่บ้านฯ และทีมงานซีพีเอฟที่เป็นพี่เลี้
ยงคอยสนับสนุนหมู่บ้านฯ มาตลอด 48 ปี ควบคู่กับการถ่ายทอดความรู้อย่
างลึกซึ้ง จากสถาบันน้ำนิเทศศาสนคุณ โดยผนวกความรู้ทางธรณีวิทยา การไหลของน้ำ และแนวคิดพึ่งพาตนเอง จนสามารถพัฒนาระบบธนาคารน้ำใต้
ดิน ทั้งแบบเปิดและแบบปิดได้อย่
างครบวงจร ช่วยหล่อเลี้ยงทั้งการเลี้ยงหมู
และการปลูกพืชซึ่งเป็นอาชีพหลั
กของชุมชนได้อย่างเพียงพอตลอดทั้
งปี

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่น้ำที่เพียงพอ แต่ยังช่วยลดต้นทุนค่าน้ำได้ถึ
งปีละ 1 ล้านบาท แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง น้ำเน่าเสีย เพิ่มความชุ่มชื้นในดิน ยกระดับสุขอนามัยในชุมชน จนทำให้หมู่บ้านฯ แห่งนี้กลายเป็น
“ศูนย์เรียนรู้ธนาคารน้ำใต้ดิน” ที่หลายชุมชนเข้ามาศึ
กษาและนำไปปรับใช้

จากความสำเร็จของหนองหว้า ที่เป็นต้นแบบของการ
“ฝากน้ำไว้กับดิน” ขยายผลสู่ หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร
ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังในฤดู
ฝนและขาดแคลนน้ำหน้าแล้
งมายาวนาน

“ชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่น และซีพีเอฟ ร่วมมือกันภายใต้แนวคิด “ขีด คิด ร่วม ข่าย” ริเริ่มโครงการธนาคารน้ำใต้ดิ
นอย่างเป็นระบบ โดยศึกษาดูงานจากหมู่บ้
านเกษตรกรรมหนองหว้า มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ไปจนถึงการขุดบ่อธนาคารน้ำ
แบบเปิดและปิดภายในพื้นที่ รวม 10 บ่อ ชาวชุมชนสามารถนำพื้นที่เดิมที่
ถูกน้ำท่วมขังกลับมาใช้ประโยชน์
ทางเกษตรได้มากกว่า 50 ไร่ มีน้ำใช้ในการเลี้ยงหมูและปลู
กพืชได้ตลอดปี พร้อมต่อยอดสู่โครงการ “1 บ้าน 1 บ่อ” ให้ครอบคลุมครบ 40 ครัวเรือนภายในปี 2569”
พิเชษฐ์ ใหญ่แก่นทราย ประธานหมู่บ้
านเกษตรกรรมกำแพงเพชร บอกอย่างภูมิใจ

ที่นี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การจั
ดการน้ำ แต่ยังพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ ที่เปิดให้ชุมชนอื่นๆ เข้ามาศึกษาดูงาน ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่คนรุ่
นใหม่ หน่วยงานท้องถิ่น และเกษตรกรจากทั่วประเทศ สิ่งที่น่าทึ่งไม่ใช่แค่
เทคโนโลยีหรือโครงสร้างของบ่
อธนาคารน้ำ แต่คือ “กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน” ที่ทำให้คนในชุมชนเชื่อมั่นว่า พวกเขาสามารถดูแลทรั
พยากรของตนเองได้จริง

วันนี้ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ ต่อยอดความสำเร็
จของโครงการธนาคารน้ำใต้ดินทั้
งสองหมู่บ้าน สู่สถานประกอบการของบริษัทอีก 8 แห่ง ทั้งที่ ฟาร์มสุรินทร์ ฟาร์มยโสธร ฟาร์มจอมทอง ฟาร์มวังชมภู ฟาร์มอุดมสุข ฟาร์มราชบุรี รวมถึงที่โรงชำแหละสุกรจันทบุรี
และยโสธร ให้หันมากักเก็บน้ำไว้ใช้เอง ลดการพึ่งพาน้ำดิบจากธรรมชาติ

โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งที่หนองหว้า กำแพงเพชร รวมถึงฟาร์มและโรงชำแหละของซีพี
เอฟ สะท้อนให้เห็นว่า การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยื
นไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี
ราคาแพง แต่เป็นการผสานพลังของชุมชน ภาคเอกชน และองค์ความรู้ท้องถิ่นเข้าด้
วยกัน ธนาคารน้ำใต้ดินจึงไม่ได้เป็
นแค่บ่อเก็บน้ำใต้ดิน

แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการ
“คิดอย่างเป็นระบบ ทำอย่างมีส่วนร่วม และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” ที่ช่
วยให้ชุมชนมีทรัพยากรน้ำเพียงพอ รองรับวิถีชีวิตเกษตรกรรม และสร้างความมั่นคงทางน้ำ
ในระยะยาว เพราะการฝากน้ำไว้กับดิน คือการวางรากฐานเพื่อความมั่
นคงในอนาคต

คลิกชมคลิป YouTube >>
คลิกชมคลิป TikTok >>