"รมว.อรรถกร"สั่งปูพรมสำรวจพื้นที่เกษตรเมืองน่านเสียหาย ยันเร่งช่วยเหลือ-ฟื้นฟูสู่ปกติเร็วสุด

"รมว.อรรถกร"สั่งปูพรมสำรวจพื้นที่เกษตรเมืองน่านเสียหาย ยันเร่งช่วยเหลือ-ฟื้นฟูสู่ปกติเร็วสุด





Image
ad1

"รมว.อรรถกร" ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมน่าน สั่งปูพรมสำรวจความเสียหายพื้นที่เกษตร พร้อมเร่งเข้าช่วยเหลือและฟื้นฟูสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และหน่วยงานสังกัดเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน จากอิทธิพลของพายุวิภา ที่ส่งผลให้ฝนตกหนักและมีปริมาณน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่พักอาศัย และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายหลายจุด โดยมี นางวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย ดร.เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคกล้าธรรม  พร้อมด้วยส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมต้อนและให้ข้อมูล พร้อมประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ และกำหนดแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน

นายอรรถกร กล่าวว่า จากการรายงานคาดการณ์พื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบ พบว่า พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบทั้งหมด 11 อำเภอ เนื้อที่รวม 56,749.22 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าว 39,602.15 ไร่ พืชไร่/พืชผัก 8,455.04 ไร่ ไม้ผล/ไม้ยืนต้น 8,654.26 ไร่ และอื่น ๆ 37.77 ไร่ จึงได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปูพรมสำรวจความเสียหายทางการเกษตรเพิ่มเติม เน้นการเข้าถึงเกษตรกร และวางแผนช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ปัจจุบันกระทรวงเกษตรฯ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งสนับสนุนถุงยังชีพ, รถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกน้ำจุ 6,000 ลิตร เข้าช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น อีกทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในหลายพื้นที่เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่

จากนั้น นายอรรถกร ได้เดินทางตรวจเยี่ยมสถานการณ์และพบปะให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกรผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน อีกทั้งมอบถุงยังชีพกว่า 1,000 ชุด พร้อมสนับสนุนหญ้าอาหารสัตว์ และสารชีวภัณฑ์สำหรับการฟื้นฟูสภาพพื้นที่หลังน้ำลด นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ปฏิบัติงานเชิงรุก โดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว บนพื้นฐานความปลอดภัยของทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และเกษตรกรผู้ประสบภัย