“ภูมิธรรม” เผย ปชช.เสียชีวิตแล้ว 10 ทหาร 1 นาย เหตุปะทะเดือดไทย-กัมพูชา

“ภูมิธรรม” เผย ปชช.เสียชีวิตแล้ว 10 ทหาร 1 นาย เหตุปะทะเดือดไทย-กัมพูชา





Image
ad1

"มท.1" เผย ถก สมช.-ครม.วาระพิเศษปมเขมร ย้ำถูกยั่วโดนยิงก่อน เป้าหมายไม่ชัดทำ ปชช.ดับ 10 ทหาร 1 มอบจว.ดูแลอพยพห่างชายแดน 50 โล ยังไม่คุยจนกว่าสถานการณ์ยุติ ไม่มีประกาศสงคราม แต่มอบอำนาจกองทัพตัดสินใจดูแลก่อนรายงาน รบ. ย้ำอยู่ใต้หลัก กม.ระหว่างประเทศ เมิน ตปท.ตัวกลาง เผย กต.คุย UN แล้ว ย้ำชัดปฎิบัติทางทหารยุติเร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 24ก.ค.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ วาระพิเศษ ที่มีคณะรัฐมนตรี ตัวแทนเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงว่า เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะเดียวกัน ยังเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษไปด้วย โดยเชิญเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเข้าร่วม ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนั้นจึงเป็นการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาตินัดพิเศษ และคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษด้วย เพราะหลายเรื่องจำเป็นต้องใช้มติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินการ พร้อมระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ปะทะกัน เท่าที่รับรายงานจากหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่า กัมพูชาได้ยิงเข้ามาและเปิดฉากใส่ทหารไทยก่อน จนนำไปสู่เหตุการณ์บานปลาย จนถึงเวลานี้ก็มีการใช้อาวุธหนัก แต่สิ่งสำคัญคือ การยิงของกัมพูชาใช้อาวุธหนัก และยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และเป็นการยิงที่เกี่ยวข้องกับพลเรือน ทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิต ทั้งหมด ขณะนี้มีตัวเลขผู้เสียชีวิต 11 ราย เป็นพลเรือน 10 ราย และทหาร 1 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 28 คน โดย 24คนเป็นพลเรือน อีก 4 คนเป็นทหาร

ดังนั้นจึงขอประณามกัมพูชาว่าเป็นการใช้อาวุธหนักที่รุนแรงไม่มีเป้าหมาย และไม่ได้จำกัดเฉพาะเขตการต่อสู้ ซึ่งทหารกัมพูชายิงเข้ามาบริเวณปั๊มน้ำมันในร้านสะดวกซื้อและบางส่วนกระสุนยิงเข้ากลางโรงพยาบาล บางส่วนห่างพื้นที่โรงพยาบาล 3 กิโลเมตร ดังนั้นไทยขอประนามเป็นการกระทำที่ไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และคำนึงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ย้ำว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การประกาศสงคราม เป็นแค่การปะทะกัน โดยไทยยืนยันหลักการว่า ต้องใช้สันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง และต้องใช้การพูดคุยกันในการแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะที่มีการยั่วยุจากฝั่งกัมพูชามาโดยตลอด ซึ่งไทยต้องป้องกันตัวเอง และป้องกันอธิปไตยของประเทศ ถือเป็นหัวใจสำคัญยอมไม่ได้ที่จะมีลักษณะบุกรุกในการละเมิดอธิปไตยต่อประเทศไทย ดังนั้นจึงต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่

นายภูมิธรรม ยังระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่กัมพูชาได้ก่อขึ้นอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ในเขตพื้นที่ที่มีการลาดตระเวนของทหารไทย และกัมพูชาตามข้อตกลงเดิม แต่สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาที่ผ่านมามีการลาดตระเวนมาโดยตลอด แต่กลับมีระเบิดเกิดขึ้น ล่าสุดทำให้สูญเสียขาของทหาร จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ดังนั้นไทยจะต้องแสดงความชัดเจนในเรื่องนี้ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ไทยได้เตรียมการและแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้ว โดยทางกองทัพได้ดำเนินการปกป้องอธิปไตยในพื้นที่อย่างเต็มที่ ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มอบอำนาจให้กองทัพดำเนินมาตรการต่างๆ ตามความจำเป็นโดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเมื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจจะไม่มีเวลามาขออนุญาต จึงต้องดำเนินการไปตามขอบเขต และแจ้งให้กับรัฐบาลทราบโดยเร็ว

นอกจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ดังนั้น ยังต้องควบคุมอยู่ในพื้นที่ แต่ได้ระมัดระวังป้องกันตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทย อพยพคนออกจากพื้นที่ให้ไกลกว่าชายแดน 50 กิโลเมตร ถือเป็นระยะที่ปลอดภัย และสั่งการให้ดูแลอพยพประชาชน ซึ่งมีแผนรองรับอยู่แล้ว และได้ดำเนินการอย่างเรียบร้อย ขณะที่มติที่ประชุมวันนี้และเป็นมติคณะรัฐมนตรี ให้ดูแลประชาชนและเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างดีที่สุด โดยเป็นไปตามระเบียบที่วางไว้ พร้อมระบุว่า โรงเรียนตามแนวชายแดนถูกสั่งปิด เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียน ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลอำเภอบริเวณชายแดนให้เป็นโรงพยาบาลสนาม และได้อพยพคนไข้ รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไปสู่แนวหลัง และอยู่ในจุดที่ปลอดภัย ส่วนมาตรการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งลดระดับทางการทูตกับกัมพูชา ถือว่าเป็นระดับที่รุนแรงแล้ว