12 ปีสลายคนเสื้อแดง คึกคัก "ณัฐวุฒิ" ลั่น ทวงความยุติธรรม

12 ปีสลายคนเสื้อแดง คึกคัก "ณัฐวุฒิ" ลั่น ทวงความยุติธรรม





ad1

"ณัฐวุฒิ" ลั่น 12 ปีสลายเสื้อแดง เดินทางทวงความยุติธรรม ระบุ ไม่มีเจตนาตอกลิ่มขยายขัดแย้ง ยัน 20 ปี ไม่สาย เดินหน้าสู้เพื่อผู้สูญเสีย

เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 10 เม.ย.2565 กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงได้จัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ ฃ้อมปราบประชาชน 10 เม.ย.53 “ยุติธรรมไม่มี 12 ปี เราไม่ลืม” ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ ถ.ราชดำเนิน  โดยมีแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นางธิดา โตจิราการ, นายวรชัย เหมะ, นายวีระ มุสิกพงษ์

ขณะเดียวกันยังมีตัวแทนพรรคการเมือง จากพรรคเพื่อไทย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค, นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย, นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และมี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายกรุณพล เทียนสุวรรณ อดีตผู้สมัครส.ส. พรรคก้าวไกล, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคก้าวไกล และประชาชนมาร่วมงาน

ทั้งนี้สำหรับกิจกรรมในงาน แกนนำคนเสื้อแดง ครอบครัวผู้สูญเสีย ร่วมถวายสังฆทาน และวางพวงหรีดรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกล่าวสดุดีผู้เสียชีวิต ขณะที่บริเวณด้านนอก มีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายวันที่เกิดเหตุการณ์ แจกริบบิ้นสีแดง เพื่อผูกไว้อาลัยสำหรับผู้ที่เสียชีวิต เป็นต้น

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมรำลึก 12 ปี เหตุปราบปรามคนเสื้อแดง 10 เม.ย.53 ว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้ เพื่อระลึกถึงความสูญเสียของประชาชน จากการล้อมปราบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีกิจกรรมกันทุกปี เพื่อประกาศต่อสังคมว่า โศกนาฏกรรมดังกล่าวยังไม่มีการชำระความจริง ยังไม่มีกระบวนการยุติธรรมดำเนินการกับคนกระทำความผิด ที่ใช้กำลังปราบปรามประชาชน ให้มารับผิดชอบตามกฎหมาย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เราไม่มีเจตนามาตอกลิ่มความขัดแย้ง หรือเติมเงื่อนไขความแตกแยกในสังคมไทย ให้ลุกลามบานปลาย แต่ต้องการรักษาแผลเก่าไม่ให้เป็นแผลอักเสบเรื้อรังของสังคม เพราะหากไม่มีความยุติธรรมให้ประชาชนผู้สูญเสียก็จะเป็นหลักประกันให้ผู้มีอำนาจว่าสามารถใช้กำลังปราบประชาชนได้อีกในอนาคต เพราะยังมีตัวแบบที่ลอยนวลและหลีกหนีความผิดได้

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ความขัดแย้งของสังคมไทยที่มีมากขึ้นทุกวัน จนเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ในอนาคตอาจจะมีการเคลื่อนไหวต่อสู้ของประชาชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกและอาจเกิดเหตุการณ์แบบวันที่ 10 เม.ย.53 ได้อีกครั้ง ตราบที่ฝ่ายรัฐเชื่อมั่นว่าทำแล้วไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เวลานี้จึงเป็นช่วงการต่อสู้ของวัยหนุ่มสาว และอาจจะเป็นลูกหลานของพวกท่านที่ออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องเสรีภาพอยู่บนถนน และสุ่มเสี่ยงเผชิญหน้ากับรัฐ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราจึงต้องมาตอกย้ำเหตุการณ์ในวันนั้น เพื่อไม่ให้ถูกกระทำโดยรัฐอีก และต้องเดินหน้ากระบวนการยุติธรรม ให้คนทำผิดต้องรับผิดชอบ เพราะตลอด 12 ปี แกนนำประชาชนถูกจับกุมคุมขัง ถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายรัฐที่เป็นคู่กรณีไม่ทีใครถูกดำเนินคดีแม้แต่คนเดียว