ตร.รวบสาวแสบตุ๋นลงทุนทำธุรกิจส่งผักขายทั้งใน-ต่างประเทศสูญกว่า 10 ล้านบาท
บุรีรัมย์-ตำรวจจับสาวแสบชาว อ.กระสัง หลอกเพื่อน ญาติพี่น้อง และชาวบ้าน ร่วมลงทุนอ้างส่งขายผักห้างดังในประเทศและต่างประเทศ โดยจูงใจจะให้ผลตอบแทน 10-15 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินที่ร่วมทุน สุดท้ายสูญเงินกว่า 10 ล้าน เหยื่อเผยที่หลงเชื่อเพราะเป็นคนตำบลเดียวกันแถมโปรไฟล์ดีเคยเป็นถึง ผจก.โรงแรมไม่คิดจะโกงกันได้ลงคอ
ชาวบ้านในตำบลลำดวน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ กว่า 10 คน ที่ตกเป็นเหยื่อถูก น.ส.วรรณา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี หลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งขายผักตามห้างฯ ดังในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ โดยจูงใจว่าจะให้ผลตอบแทน 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินที่ร่วมลงทุน โดยที่ไม่ต้องทำอะไรแค่นำเงินมาร่วมลงทุน แล้ว น.ส.วรรณา จะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด แต่ไม่มีใครรู้ว่า น.ส.วรรณา ได้นำเงินไปหมุนเวียนทำธุรกิจส่งออกผักตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ แต่สุดท้ายสูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท ได้พากันเดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีที่ สภ.ลำดวน หลังจากได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ เมื่อเดือน พ.ค.2565 ที่ผ่านมา และตั้งใจจะมาดูหน้าและทวงถามเงินจาก น.ส.วรรณา หลังทราบข่าวว่าได้ถูกออกหมายจับ และจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่เชื่อใจนำเงินไปร่วมลงทุนกับ น.ส.วรรณา เพราะเห็นว่าเป็นคนในตำบลเดียวกัน บางคนเป็นญาติพี่น้อง และเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ที่สำคัญเป็นคนโปรไฟล์ดี พูดจาน่าเชื่อถือ และยังเคยเป็นถึงผู้จัดการโรงแรมดังแห่งหนึ่งที่ จ.ระยอง ไม่คิดว่าจะมาหลอกกันได้ลงคอ ซึ่งผู้เสียหายได้พากันเดินทางมาเฝ้ารอ น.ส.วรรณา ตั้งแต่เช้า
กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. น.ส.วรรณา ถึงได้เดินทางมาพบและรับทราบข้อกล่าวหากับ ร.ต.อ.ชาคริต นิสัยรัมย์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลำดวน เจ้าของคดีตามหมายจับศาล จ.บุรีรัมย์ คดีอาญาที่ 72/2565 ฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชม.
อย่างไรก็ตามเบื้องต้น น.ส.วรรณา ให้การปฏิเสธ แต่พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายหลายคน และมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง จึงได้ทำบันทึกจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และควบคุมตัวไว้ที่โรงพัก และจะนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 17 ก.ค.2565 ส่วนจะมีการยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลและศาลจะให้ประกันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
นางมิตรา ไซน์เซอ อายุ 33 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ตนเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนประถมด้วยกันกับ น.ส.วรรณา โดยเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา น.ส.วรรณา ได้มาชักชวนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งผักขายทั้งในและต่างประเทศ โดย น.ส.วรรณา บอกว่าจะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด แค่นำเงินมาร่วมลงทุนเท่านั้น หากขายผักได้กำไรจะได้ผลตอบแทน 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินที่ร่วมลงทุน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปร่วมลงทุนตอนแรก 200,000 บาท ซึ่งช่วง 3 – 4 เดือนแรก น.ส.วรรณา ก็โอนเงินผลตอบแทนมาให้จริง 10 เปอร์เซ็นต์ คือเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งตนเห็นว่าได้ผลตอบแทนจริง จึงมีญาติพี่น้องนำเงินมาร่วมลงทุนด้วยรวมเป็น 300,000 บาท
แต่พอช่วงประมาณเดือน ก.พ.2565 เริ่มไม่ได้ผลตอบแทนโดย น.ส.วรรณา อ้างว่าขาดทุนเพราะผักราคาแพง จนระยะหลังติดต่อไม่ได้เลย กระทั่งมารู้ทีหลังว่ามีคนถูกหลอกร่วมลงทุนอีกหลายคนตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท ก็ไม่ได้เงินเหมือนกันและก็ติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกก็ได้พากันมาแจ้งความ
น.ส.ภลดา โกติรัมย์ อายุ 49 ปี ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ที่ตัดสินใจนำเงินเก็บและไปกู้ยืมมาร่วมลงทุน เพราะเห็นว่าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ไม่น่าจะหลอก ทั้งเงินตนเองและญาติพี่น้องก็รวบรวมเงินกันมาร่วมทุนกับ น.ส.วรรณา ตอนแรกก็หลักแสนพอเห็นว่าได้ผลตอบแทนก็เพิ่มวงเงินเป็นหลักล้าน แต่พอคนเริ่มเยอะยอดเงินสูงขึ้น ก็เริ่มจะไม่ได้เงินตอบแทนตามที่รับปากกระทั่งหายไปติดต่อไม่ได้ จึงเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกรวมแล้วทั้งตนและญาติพี่น้องที่หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนรวมกว่า 3 ล้านบาท ยอมรับว่าเดือดร้อนมากเพราะบางส่วนไปกู้ยืมเขามาต้องหาเงินไปใช้ดอกอีก อยากจะได้เงินคืน แต่หากไม่ได้คืนก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย