ล่าสาวแสบอ้างเป็นนายหน้าขายบ้านเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้เชิดเงินหนีนับแสน

ล่าสาวแสบอ้างเป็นนายหน้าขายบ้านเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้เชิดเงินหนีนับแสน





ad1

นครราชสีมา-ตำรวจนครราชสีมาเร่งติดตามจับกุมสาวแสบอ้างเป็นนายหน้าขายบ้านมือสองเหยื่อหลงชื่อโอนเงินให้เชิดเงินหนีคิดมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 25564  น.ส.ณัชชา อายุ 38 ปี และ น.ส.ชนิดาภา อายุ 26 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะเริง .มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ชาลิศา อัครรุ่งเรืองกุล และนายยิ่งยศ แอบไธสง สองสามีภรรยา ที่อ้างตัวเป็นนายหน้าหลอกขายบ้านมือสองโดยให้โอนเงินค่าดำเนินการให้ แล้วเชิดเงินหนีโดยไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อ-ขาย บ้านกันจริงๆ จนทำให้ผู้เสียหายทั้งคู่สูญเงินไปเกือบ 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีเหยื่อที่ถูกสองสามีภรรยาคู่นี้ เที่ยวหลอกลวงลักษณะเดียวกันอีก 8 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 600,000 บาท

น.ส.ชนิดาภา กล่าวว่า ตนเองได้โพสต์ในเพจ “ซื้อ-ขาย บ้านมือสองโคราช” เพื่อต้องการซื้อบ้านที่อยู่บริเวณโซน ต.หัวทะเล และ ต.มะเริง อ.เมืองนครราชสีมา ต่อมาปรากฏว่า น.ส.ชลิศา ได้อินบ๊อกเข้ามาบอกว่าตัวเองมีบ้านมือสองที่จะขาย อยู่บริเวณ ต.มะเริง พื้นที่ 2 งาน จะขายในราคา 1,990,000 บาท ซึ่ง น.ส.ชลิศา อ้างว่าเป็นลูกเจ้าของบ้าน ถ้าตัวเองซื้อก็พร้อมที่จะรีโนเวทบ้านให้หมดเลย เมื่อติดต่อไปก็ให้ตนเองส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปให้ ด้วยความที่ตนเองทำมาค้าขาย จึงทำให้สเตทเม้นท์ในบัญชีธนาคารไม่สวย แต่ น.ส.ชลิศา บอกว่าเขารู้จักคนในธนาคาร พร้อมที่จะเดินเรื่องให้ได้หมดจนผ่านสามารถกู้ธนาคารได้ แต่ต้องโอนเงินค่าดำเนินการมาให้ก่อน หลังจากนั้นก็ได้แอดไลน์กับผู้หญิงอีกคน ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่ง และคุยกันก่อนที่จะโอนเงินค่าดำเนินการไปให้หลายครั้ง ช่วงระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2564 รวมเป็นเงินเกือบ 30,000 บาท ต่อมา น.ส.ชลิศา ก็โทรศัพท์แจ้งมาว่าเคสของตนเองผ่านแล้ว ตนเองจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่ธนาคารที่เดินเรือง แต่ปรากฏว่าทางธนาคารบอกว่าไม่มีเคสนี้ และไม่มีคนที่อ้างชื่อว่าเป็นพนักงานฝ่ายสินเชื่อนี้อยู่ในธนาคาร จึงทำให้รู้ว่าโดนหลอกแล้ว ตนเองจึงได้โทรศัพท์ไปหา น.ส.ชลิศา แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่ได้โกงและไม่ยอมให้เอกสารต่างๆ คืนตนเองมา ดังนั้นตนเองกลัวว่าจะถูกนำเอกสารต่างๆ ไปแอบอ้างทำธุรกรรมอื่น จึงได้เข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา และมาทราบอีกทีว่า น.ส.ชลิศา ไปก่อเหตุลักษณะนี้อีกหลายคดี นอกจากนี้ยังมาข่มขู่ที่จะทำร้ายตนเองอีก ตนเองจึงได้เข้ามาแจ้งความที่ สภ.มะเริง คดีข่มขู่ด้วย ซึ่ง น.ส.ชลิศา จะใช้วิธีตีสนิทกับครอบครัว และมองหาคนที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ใช้ช่องว่างของการเดินบัญชีธนาคารที่ไม่ค่อยสวย เพื่อที่จะได้อ้างว่าสามารถช่วยตกแต่งบัญชีให้กู้ธนาคารผ่านได้ ทำให้มีคนหลงเชื่อถูกหลอกเป็นจำนวนมาก จึงฝากเตือนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่มาก่อเหตุลักษณะนี้ด้วย

ด้าน น.ส.ณัชชา ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนเองเห็นโพสต์ขายบ้านในเพจ “ซื้อ-ขายบ้านมือสองโคราช” สนใจบ้านที่อยู่บริเวณ ต.จอหอ จึงได้ทักไปหา น.ส.ชลิศา ผู้โพสต์ขายบ้านชั้นเดียว และได้ตกลงราคาที่ 1,000,000 บาท ช่วงแรกก็ให้โอนเงินจ่ายค่ามัดจำไว้ก่อน จำนวน 5,000 บาท หลังจากนั้น น.ส.ชลิศา ก็ใช้วิธีลักษณะเดียวกันกับผู้เสียหายคนอื่น โดยใช้ช่องว่างที่ตนเองทำอาชีพส่วนตัว เดินบัญชีธนาคารไม่สวย บอกว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ธนาคารสามารถช่วยเดินเรื่องให้สามารถกู้ซื้อบ้านผ่านได้ แล้วให้โอนเงินค่าดำเนินการมาเรื่อย ตั้งแต่เดือน พ.ค. – ก.ย.64 รวมเป็นเงินจำนวน 64,300 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค.64 ตนเองก็ได้เดินทางเข้าไปดูบ้านหลังที่จะซื้อ ก็พบว่ามีคนเข้าไปอาศัยอยู่แล้ว จึงได้สอบถามคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้น และได้รับคำตอบว่าเขาเพิ่งจะทำเรื่องกู้ซื้อบ้านหลังนี้ได้ โดยซื้อกับแม่ของ น.ส.ชลิศา ทำให้ตนเองตกใจมาก เพราะตนเองกำลังทำเรื่องกู้ซื้อบ้านหลังนี้อยู่ จึงได้เข้าไปพูดคุยกับแม่ของ น.ส.ชลิศา แต่ได้รับคำตอบว่าไม่รู้เรื่อง จึงแน่ใจแล้วว่าตนเองถูกหลอก และได้เข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ช่วงนั้นติดปัญหาที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจใน สภ.เมืองนครราชสีมา ติดโควิด-19 หลายคน จึงทำให้เรื่องคดีเกิดความล่าช้า ต่อมาก็ได้ค้นหาในเฟซบุ๊กจึงทราบว่ามีผู้เสียหายที่ถูก น.ส.ชลิศา หลอกขายบ้านอีกรวม 8 คน มูลค่าความเสียหายน่าจะไม่ต่ำกว่า 600,000 บาท จึงได้มาร่วมร้องเรียนสื่อเพื่อตีแผ่พฤติกรรมของ น.ส.ชลิศา ให้สังคมได้รับทราบ เป็นการเตือนภัยจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อรายต่อไป และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว