ปลัดอำเภอเบตงลงพื้นที่ติดตามความเดือดร้อนญาติผู้เสียชีวิต โควิด19

ปลัดอำเภอเบตงลงพื้นที่ติดตามความเดือดร้อนญาติผู้เสียชีวิต โควิด19





ad1

ยะลา –นายอำเภอเบตงมอบหมายให้ ปลัดอำเภอเบตงลงพื้นที่ติดตามกรณีเชื้อไวรัสโควิด-19 พรากแม่หลังคลอดลูกได้ 21 วัน ซึ่งเป็นรายที่ 6 ของอำเภอเบตง จ.ยะลา หลังเข้ารับการรักษาโควิด-19 ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ แพทย์ต้องผ่าคลอดช่วยทารกจนปลอดภัยไม่พบเชื้อ แต่แม่อาการทรุดหนัก เชื้อลามไปถึงปอดจนเสียชีวิต ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกซึ่งตอนนี้ได้รับความลำบากมากขาดรายได้ต้องเป็นพ่อเลี้ยงลูก วอนช่วยเหลือ

นายหะสัน พิทักษ์บัญชาการ ปลัดฝ่ายความมั่นคง และ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน(อส.เบตง) เข้าเยี่ยม ให้กำลังใจ และมอบสิ่งของ  ให้กับ นายวิทยา สามีผู้เสียชีวิต นายวิทยาเล่าให้ปลัดฟังว่า  ย้อนหลังไปเมื่อไวรัส โควิด – 1 9 ได้พรากแม่หลังคลอดลูกได้ 21 วัน เป็นรายที่ 6 ของอำเภอเบตง จ.ยะลา หลังเข้ารับการรักษาโควิด-19 ในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่ แพทย์ต้องผ่าคลอดช่วยทารกจนปลอดภัยไม่พบเชื้อ แต่แม่อาการทรุดหนัก เชื้อลามไปถึงปอดจนเสียชีวิต ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูก

นายวิทยา สามีผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าภายหลังภรรยาเสียชีวิตลง ตนเองต้องรับผิดดูแลลูกๆ ทั้ง 3 คน และไม่ได้ทำงาน เพราะลูกๆไม่รู้จะฝากใคร เนื่องจากญาติพี่น้องฝ่ายภรรยา ก็ลำบาก ต้องทำมาหากิน ตนเองจึงต้องพยายามเลี้ยงลูกโตให้ได้ ถึงจะลำบากมากก็ตาม ปัจจัยสำคัญ คือ การที่ไม่ได้ทำงาน ไม่รู้จะเอาเงินจากไหนมาซื้อนมเด็กแรกเกิด /นมเด็ก 3 ขวบ/และ  นมเด็ก 5 ขวบรวมทั้ง แพมเพริส ผ้าอ้อม ของใช้ต่างๆของเด็กอ่อน
ก่อนหน้านี้ตนและภรรยาซึ่งกำลังตั้งท้องลูกคนที่ 3 ได้ไป SWAB หาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 17-18 ก.ค. ได้ไปซื้อของในร้านค้าหมู่บ้านหลังจากไปซื้อของกลับมาที่บ้านก็นั่งคุยกันตามปกติ หลังจากนั้นประมาณวันที่ 19-20 ก.ค. ภรรยาก็เริ่มมีอาการเพลีย ปวดเมื่อย ไม่มีแรง ต่อมาวันที่ 21 ก.ค. ภรรยาและลูกสาววัย 3 ขวบเริ่มมีไข้ 

โดยภรรยาเป็นคนเช็ดตัวให้ลูกสาวอยู่ตลอด กระทั่งลูกชายวัย 5 ขวบ ป่วยตาม หลังจากคอยดูแลประมาณ 3 วัน ลูกทั้ง 2 รายก็หายเป็นปกติ แต่ตัวของภรรยายังคงมีไข้อยู่ จึงได้แจ้งทางโรงพยาบาลเบตง รถฉุกเฉินโรงพยาบาลมารับที่บ้าน และในวันที่ 26 ก.ค.หมอได้ผ่าเอาเด็กในท้องออก เป็นเพศหญิง หลังจากทำการผ่าคลอดเสร็จก็ได้ออกมาอยู่ห้องปกติประมาณ 2 วัน ซึ่งตนได้วีดีโอคอลกับภรรยาตลอด โดยภรรยาบอกว่าอาการดีขึ้น แผลที่ผ่าคลอดก็แห้งดี ต่อมาภรรยาก็เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อย จนหมอต้องให้กลับเข้าไปรักษาในห้อง ICU อีกรอบหนึ่ง และใส่เครื่องช่วยหายใจ จนมาวันที่ 16 ส.ค. พยาบาลเอาโทรศัพท์มาตั้งบนหมอนที่ภรรยาหนุนอยู่ โดยแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหู ซึ่งตนได้บอกภรรยาว่าไม่ต้องเป็นห่วงลูกนะ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากภรรยา พยาบาลที่ดูแลบอกว่าหัวใจเธอจะหยุดเต้นแล้ว โดยบอกอัตราการเต้นของหัวใจ จนภรรยาหมดลมหายใจ 

ด้านนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  อำนวยการสั่งการให้นายหะสัน พิทักษ์บัญชาการ ปลัดฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตาม เยี่ยมเยียนให้กำลังใจครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมมอบถุงยังชีพ และเงินช่วยเหลือเพื่อใช้ดูแลครอบครัวและทารกน้อย ซึ่งเป็นรายที่ 6 ของอำเภอเบตง ซึ่งมีลูกน้อย 3 คน แม่เสียตั้งแต่ยังเล็ก คนแรก 5 ขวบคนที่สอง 3 ขวบ คนที่สาม 20 วัน แถมเกิดก็ไม่ได้เจอแม่ตั้งแต่ผ่าคลอดไม่ได้กินนมแม่เลยซักหยดเดียว เพราะผ่าคลอดในขณะที่แม่ติดเชื้อ แต่ลูกไม่ติดผลเป็นลบทั้งพ่อลูก ลูกอยู่ในความดูแลของพ่อ  เบื้องต้นคุณหมอ จนท.รพ.สต.ยะรม /ผู้ใหญ่บ้าน

 รวบรวมเงินช่วยเหลือซื้อสิ่งของจำเป็นเช่นนมเด็กแรกเกิด ขวดนม แพมเพริส ให้ไป ใครอยากช่วยเหลือมอบสิ่งของให้ครอบครัวนี้ทักไปที่  วิทยา ตาพ่วง  (พ่อเด็ก) อยู่ ที่ หมู่ที่ 8  บ้านบูเก๊ะดาราเซ หรือ ผ่านกองทุนเบตงสู้ภัยโควิด19 (สื่อกลางแห่งการมอบ)  ตั้งอยู่ซอยโรงน้ำแข็งหลังตลาด เลขที่ 16 ถ.ตัณฑ์วีระ ซ.3. ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา 95110  โทร.093-662-9974    รายนี้ขอรับเป็นสิ่งของ -นมเด็กแรกเกิด /นมเด็ก 3 ขวบ/ นมเด็ก 5 ขวบ-แพมเพริส-ผ้าอ้อม-ของใช้เด็กอ่อนต่างๆ และขอขอบพระคุณทุกท่านล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้  

เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา  รายงาน