ทีมหน่วยแพทย์พระราชทานฯ ขึ้นเขาชายแดนไทย-พม่า ตรวจสุขภาพและให้บริการทันตกรรม

ทีมหน่วยแพทย์พระราชทานฯ ขึ้นเขาชายแดนไทย-พม่า ตรวจสุขภาพและให้บริการทันตกรรม





ad1

ทีมแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรทางการแพทย์ ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ออกปฏิบัติภารกิจหน่วยแพทย์พระราชทาน ในโครงการสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 4 ตำบลแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสังวาลย์วิท 8 ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองแขม ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567


แพทยหญิงโฉมขจี สุขอารีชัย สาขาวิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวว่า การปฏิบัติงานหน่วยแพทย์พระราชทานฯ ครั้งนี้ มีทีมงานกว่า 40 ชีวิต เดินทางมาที่แถบชายแดนจังหวัดเชียงรายขึ้นเขาสูง หลายคนเมารถแต่ก็ผ่านพ้นอุปสรรคจากการเดินทางอันยาวไกลมาได้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้ในการทำงานประจำวัน และได้มาเจอเด็กนักเรียนและประชาชนบนดอยสูงซึ่งมีวิถีชีวิตแตกต่างจากคนเมือง พวกเขาทำไร่ทำสวนปลูกผักผลไม้รับประทานเอง มีชีวิตที่เรียบง่าย และได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ก็เป็นกำลังใจให้หายเหนื่อยและอยากจะตรวจรักษาพวกเขาให้มีสุขภาพแข็งแรง เพราะในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้ยากต่อการพบแพทย์


ด้าน นายแพทย์เอนกชัย ดกพฤกษ์ สาขาวิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มาออกหน่วยหน่วยแพทย์พระราชทานฯ ว่า รู้สึกประทับใจทุกครั้งที่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติงานหน่วยแพทย์พระราชทานฯ และตั้งตารอทุกปีที่จะได้ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในพื้นที่ห่างไกลเพราะจะได้มาช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการบริการทางการแพทย์ เนื่องด้วยพื้นที่บริเวณที่มาตั้งหน่วยแพทย์นี้เป็นแถบชายแดนไทย-พม่า ใช้ระยะเวลาเดินทางขึ้นเขาหลายชั่วโมง ทำให้เข้าใจถึงความยากลำบากของชาวบ้านเมื่อเจ็บป่วยกว่าจะเดินทางลงไปในเมืองหาหมอแต่ละครั้งยากลำบากมาก สำหรับโรคที่พบได้บ่อยในพื้นที่ห่างไกลประชาชนมักเป็นโรคทางเดินอาหาร โรคทางเดินหายใจ และโรคฟันผุ ซึ่งครั้งนี้หน่วยแพทย์ของศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มาครบทั้งแพทย์ พยาบาล เภสัช ทันตแพทย์ แพทย์รังสี และหน่วยสร้างเสริมสุขภาพ พร้อมให้บริการและแจกจ่ายยาจึงเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้มาลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน


สำหรับการให้บริการตรวจรักษาที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 4 มีผู้เข้ารับการตรวจรักษา ประกอบด้วย นักเรียน จำนวน 193 คน และประชาชน จำนวน 150 คน ด้านโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสังวาลย์วิท 8 มีผู้เข้ารับการตรวจรักษา ประกอบด้วยนักเรียน จำนวน 90 คน และ ประชาชน จำนวน 60 คน โดยในพื้นที่นี้สื่อสารด้วยภาษาพื้นบ้าน ไทย, อาข่า และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านหนองแขม มีผู้เข้ารับการตรวจรักษาประกอบด้วยนักเรียน จำนวน 98 คน และ ประชาชน จำนวน 100 คน โดยในพื้นที่นี้สื่อสารด้วยภาษาพื้นบ้าน ไทย, ลีซู, ลาหู่


ทั้งนี้ ทั้งเด็กนักเรียนและประชาชนส่วนใหญ่มีสุขภาพปกติ ส่วนโรคที่พบเป็นมากที่สุด คือ โรคเหงือกและฟัน รองลงมาคือโรคทางเดินหายใจ โรคกล้ามเนื้ออักเสบ โรคท้องร่วง  โรคมือเท้าปาก โรคปอดบวม โรคผิวหนัง โรคเรื้องรัง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และพบโรคเหาในเด็กนักเรียนด้วย


การปฏิบัติงานในครั้งนี้ เป็นการเดินทางขึ้นดอยสูงทางภาคเหนือของจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ติดเขตชายแดนไทย-พม่า ใช้เวลาในการเดินทางขึ้นเขา 2 – 3 ชั่วโมง จึงต้องบริหารจัดการเวลาให้สามารถเปิดบริการหน่วยแพทย์รองรับจำนวนผู้มารับบริการจำนวนมาก และปิดหน่วยแพทย์ให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะต้องเดินทางไปอีกพื้นที่เพื่อเตรียมการเปิดหน่วยแพทย์ในวัดถัดไป./