ก่อนหวยออก!แห่เอาแป้งโรยลำตัว "น้องตะกวด"ลุ้นเลขเด็ดเสี่ยงโชคลาภ

ก่อนหวยออก!แห่เอาแป้งโรยลำตัว "น้องตะกวด"ลุ้นเลขเด็ดเสี่ยงโชคลาภ





Image
ad1

ปราจีนบุรี- ก่อนวินาทีหวยออกเหี้ย-(ตะกวด)-ให้เลขเด็ดหนุ่มเห็นลูกตระกวดขนาดลำตัวเท่า 2 นิ้ว ยาว 30 ซม.มาขึ้นต้นไม้อยู่ริมถนน กลัวว่ามันจะตกลงมาจึงตัดสินใจใช้เชือกคล้องคอตัวตะกวดลงมาจากต้นไม้ และอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลาหวยออกนี้ได้เอาแป้งมาโรยที่ลำตัวของน้องตะกวดเห็นบนด้านหลังตัวตะกวด 372  ขณะทางก้ามกาม หรือ ครูกุ้ง คนเคยพบแม่เหี้ยกำลังออกไข่ 2 ฟองหน้าบ้านยาย ได้ถ่ายคลิปลงโซเชี่ยลและมีแฟนเพจและเพื่อน ๆถูกเลขเด็ดทั้ง2-3ตัวตรง ๆ จำนวนหลายแสนบาท  ตีเลขเด็ดนี้ 874 กับ 974 ด้าน น.ส.สุวินตา คอหวยตีเลขเด็ด 379 กับ 374 แต่ไม่รู้จะหาซื้อทันหรือไม่เพราะใกล้ถึงเวลาหวยออกแล้ว

เมื่อเวลา 11.40 น.วันนี้  1 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรีได้รับแจ้งที่บริเวณริมถนนสายสุวินทวงศ์ (ศรีมหาโพธิ –กบินทร์บุรี) หรือสาย  304 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มีผู้พบเห็นตัวตะกวดคาดว่าเป็นลูกตระกวดขนาดลำตัวเท่า 2 นิ้ว ยาว 30 ซม.มาขึ้นต้นไม้อยู่ริมถนน พลเมืองดีกลัวว่ามันจะตกลงมาจึงตัดสินใจใช้เชือกคล้องคอตัวตะกวดลงมาจากต้นไม้ และอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลาหวยออกนี้ได้เอาแป้งมาโรยที่ลำตัวของน้องตะกวดซึ่งไม่ทราบว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ซึ่งปรากฏเป็นตัวเลขเห็นบนด้านหลังตัวตะกวด 372 จึงรีบจดและรีบซื้อหวยเนื่องจากวันนี้เป็นวันหวยออก

นายสมบัติ ขอสงวนนามสกุลกล่าวว่าเห็นตัวเหี้ย(ตะกวด)ปีนขึ้นบนต้นไม้ จึงหาเชือกมัดที่ปลายไม้คล้องคอตัวตะกวดลงมาด้านล่างเพื่อที่จะดูตัวเลข ซึ่งมีความเชื่อว่าอาจจะมาให้โชคหลังจากที่ทาแป้งบนหลังตัวตะกวดตัวน้อยนั้นปรากฏเห็นเป็นตัวเลขเด่นชัด 372 จึงจดไว้รีบโทรหาแฟนให้ซื้อเลข 372 ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้เป็นวันหวยออกอาจจะได้รับโชคจากเจ้าตัวตะกวดตัวนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่าจากที่เมื่อเร็ว ๆนี้ มีผู้ใช้ชื่อก้ามกาม หรือ ครูกุ้ง พบเห็นเหี้ยกำลังออกไข่ 2 ฟองหน้าบ้านยาย ได้ถ่ายคลิปลงโซเชี่ยลและมีแฟนเพจและเพื่อน ๆถูกเลขเด็ดทั้ง2-3ตัวตรง ๆ จำนวนหลายแสนบาท  ผู้สื่อข่าวจึงได้ส่งภาพให้ช่วยตีเลขเด็ดนี้ก้ามกาม หรือ ครูกุ้งตีเลขเด็ดตามที่เห็นคือ  874 กับ 974 

ด้านทาง น.ส.สุวินตา คอหวย ตีเลขเด็ด 379 กับ 374 แต่ไม่รู้จะหาซื้อทันหรือไม่เพราะใกล้ถึงเวลาหวยออกแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า เมื่อเร็ว ๆนี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากกรณีที่ "เหี้ย" (Varanus salvator) ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะพันธุ์ได้อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น

ขอเรียนชี้แจงและทำความเข้าใจแก่ประชาชนทุกท่านว่า "การเปลี่ยนแปลงสถานะดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าประชาชนทั่วไปจะสามารถจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยง หรือเพาะพันธุ์เหี้ยได้ทันทีโดยไม่มีข้อกำหนด และไม่ไช่เหี้ยที่อยู่ตามธรรมชาติ แต่เป็นเหี้ยที่อยู่ที่สถานีเพาะเลี้ยงที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเพื่อให้ผู้ได้รับอนุญาตนำไปเพาะขยายพันธุ์เท่านั้น"

จากนโยบายดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของเหี้ยในการเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศ จึงได้มีการเร่งดำเนินการในหลายส่วน หนึ่งในนั้นคือการที่คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ การกำหนดราคาสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ (เหี้ย) ซึ่งจะนำไปสู่การออกระเบียบว่าด้วยการกำหนดอัตราเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าบริการ หรือค่าตอบแทน และราคาสัตว์ป่า เพื่อเพิ่มรายการเหี้ยไว้ในบัญชีดังกล่าว และจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

ใครบ้างที่สามารถเพาะพันธุ์เหี้ยได้? เน้นย้ำว่า การเพาะพันธุ์เหี้ยเพื่อการค้าหรือเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เท่านั้น โดยผู้ที่สามารถดำเนินการได้คือ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

เงื่อนไขสำหรับผู้ที่ประสงค์จะขออนุญาตเพาะพันธุ์มีดังนี้ ผู้ขออนุญาตเพาะพันธุ์ต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครอง มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่จะทำการเพาะเลี้ยงหรือได้รับการยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น และต้องไม่มีประวัติเคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ในส่วนของพ่อแม่พันธุ์ ไม่สามารถจับได้เองจากธรรมชาติ เนื่องจากเหี้ยยังมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 จำเป็นต้องซื้อจากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเท่านั้น และหลังจากมีผู้ได้รับอนุญาตเพาะพันธุ์และมีสัตว์ที่ได้จากการเพาะพันธุ์แล้ว ผู้ขออนุญาตจึงจะสามารถซื้อจากสถานที่เพาะพันธุ์ที่ได้รับอนุญาตนั้นได้

นอกจากนี้ เหี้ยที่ได้จากการเพาะพันธุ์ทุกตัวต้องมีการทำเครื่องหมายโดยการฝังไมโครชิพ เพื่อป้องกันการลักลอบนำมาจากธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยงเองได้

สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องทำความเข้าใจคือ เหี้ยยังคงเป็น "สัตว์ป่าคุ้มครอง" การจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยง หรือครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตยังคงเป็นสิ่งที่ "ผิดกฎหมาย" และมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการเพาะพันธุ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเพาะพันธุ์เหี้ยเชิงเศรษฐกิจอย่างถูกกฎหมายและยั่งยืน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ที่สนใจและมีคุณสมบัติตามที่กำหนด ดังนั้น หากท่านใดสนใจที่จะประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์เหี้ย หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการขออนุญาตได้ที่ ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในเวลาราชการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และร่วมกันผลักดันให้เหี้ยเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป

โดย... มานิตย์ สนับบุญ - ข่าว / ทองสุข สิงห์พิมพ์ – ภาพ / ปราจีนบุรี-###