องค์กรพลังชาวพุทธ ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบพระคึกฤทธิ์ กับพวกสั่งสอนปลุกระดมด้อยค่าพระศาสนา

องค์กรพลังชาวพุทธ ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบพระคึกฤทธิ์ กับพวกสั่งสอนปลุกระดมด้อยค่าพระศาสนา





ad1

เมื่อวันที่ 20 มี.ค.67 ที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. พหลโยธิน จตุจักร กทม.พระครูปลัดธีรนัชณฤทธา เมตตธมโม ประธานภาคีเครือข่ายองค์กรพลังชาวพุทธ ผู้มีบทบาทเรียกร้องกิจกรรมสงฆ์และศาสนาหลายเรื่อง จนถึงขั้นปีนต้นไม้ข้างทำเนียบรัฐบาล เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ทรงวุฒิ นิยมพงษ์ รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อร้องให้ตรวจสอบ กลุ่มบุคคลประกอบด้วย พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล นางสุจินต์ บริหารวันเขตต์ และพรรคพวก นายเผดิม ยี่สมบุญ และพรรคพวก

พระครูปลัดธีรนัชณฤทธา กล่าวว่า ตนมาในนาม เครือข่ายองค์กรพลังชาวพุทธ มา ยื่นให้กองทัพการปราบปรามดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ว่ากระทำการเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติพระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์หรือไม่ที่มีการจัดประชุม เสวนาบรรยาย และจัดรายการผ่านสื่อโซเชียล Facebook, YouTube, TikTok ปลุกระดมประชาชนให้เกิดความสับสนในหลักธรรมความเชื่อคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนมีประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนมากและอาจกระทำการผิดกฎหมายบ้านเมือง เกิดความเกลียดชังกันในหมู่ประชาชนและอาจลุกลาม กลายเป็นก่อม็อบจลาจลขึ้นมาได้ ดังปรากฎม็อบก่อจลาจลขับไล่พระสงฆ์ เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ข้อ 1 สันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลความคิด ความเชื่อที่ผิดจากกลุ่มบุคคลเหล่านี้เป็นสำคัญ คือพฤติกรรมที่มีการสั่งสอนปลุกระดมประชาชนให้มีการด้อยค่า

1. ด้อยค่าพระไตรปิฎกให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน

2. ด้อยค่าพระอรหันตสาวก

3. ด้อยค่าพระสงฆ์สาวก

4. ด้อยค่าคำอรรถกถาจารย์

5. ด้อยค่าพระพุทธรูป

6. ด้อยค่าประเพณีวัฒนธรรมไทยวิถีพุทธ

7. ด้อยค่าพิธีกรรมของสถาบันพระมหากษตริย์

8. แสวงหาผลประยชน์อันมิชอบจากการรับบริจาคและประกอบอาชีพค้าขายพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยมิชอบหรือไม่? (สัทธรรมปฏิรูป)

ข้อ 2 สันนิษฐานว่าบุคคลทั้ง 3 คน 3 กลุ่มนี้ รับงานรับเงินมาจากลัทธิต่างศาสนาหรือไม่ เพื่อมาทำลาย พระพุทธศาสนาในประเทศไทย เพราะว่า มีพฤติกรรม คำพูด
ความคิด การกระทำไปในทิศทางเดียวกัน

ข้อ 3 พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล ได้มีคดีความฟ้องร้องกัน และปัจจุบันก็มีการฟ้องร้องกันอยู่ในกลุ่มศานุศิษย์ด้วยกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างออกมาแฉ
พฤติกรรมซึ่งกันและกันในข้อหาฉ้อโกง หรือข้อหาปาราชิก ซึ่งเป็นข้อหาที่ร้ายแรง คือขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แต่พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล ยังสามารถดำรงตนอยู่ได้ จะด้วยอิทธิพลอำนาจทางการเมือง ทางสังคม และเงินตรา ที่มีจำนวน

มากมายหลายพันล้านบาท หรือไม่?

อาตมาจึงมาร้องทุกข์พร้อมเอกสารหลักฐานที่กองบังคับการปราบปรามให้ทำการตรวจสอบ หากพบว่ามีพฤติกรรมกระทำความผิดจริงก็ขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและหลัวจากพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามแล้ว จะไปร้องทุกข์ที่ สนง.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

เส้นทางการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ว่ามีการกระทำความผิดว่าด้วยการฟอกเงินหรือไม่?

รวมทั้งจะไปยื่นร้องกรรมธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบและไปกราบนิมนต์พระมหาเถระสมาคม ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการปกครอง
คณะสงฆ์ มีหน้าที่วินิจฉัยอธิกรณ์ พระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล ว่าต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่ การเผยแผ่ธรรมของพระคึกฤทธิ์ โสตถิผโล เป็นไปตามธรรมวินัยหรือไม่?

สุดท้ายนี้ อาตมาภาพ พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เมตตธัมโม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสังคมจะเข้าใจในสิ่งที่อาตมาภาพได้ออกมาร้องทุกข์ในครั้งนี้ เพราะว่าเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับ ผลกระทบเสียหายจากบุคคลทั้ง 3 ท่าน 3 กลุ่มนี้โดยตรง จากพฤติกรรมการปลุกระดม

ชวนเชื่อในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งส่วนตัว และองค์กร คณะสงฆ์โดยส่วนรวมและอีกทั้งประเทศชาติบ้านเมืองก็จะเสียหายด้วย ฉะนั้นจึงอยากให้อำนาจกฎหมายบ้านเมือง และองค์กรที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง เข้ามาจัดการแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน

หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จแล้วไปเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป.ทันที