ตำรวจกองปราบบุกรวบลูกแชร์โหด จ้างอุ้มฆ่าเท้าแชร์ โยนศพทิ้งร่องน้ำ

ตำรวจกองปราบบุกรวบลูกแชร์โหด จ้างอุ้มฆ่าเท้าแชร์ โยนศพทิ้งร่องน้ำ





ad1

กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันจับกุม นางจำเนียนฯ อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 431/2555 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”โดยสถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ชุมชนบ่อฝรั่งประชาชื่น ซอยเสริมสุข แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ


 
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 มีเหตุพบศพผู้เสียชีวิตในร่องน้ำ ถนนสายหลังโรงเรียนในพื้นที่ หมู่ 1 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จากการผลชันสูตรบาดแผลพบว่า มีร่องรอยถูกรัดที่ลำคออย่างรุนแรงจนรอบลำคอเป็นรอยเขียวช้ำและยังถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่ลำคอ 1 แผล แขนขวา 1 แผล และหน้าอกขวา 5 แผล คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8 ชั่วโมง และจากการตรวจสอบยังพบกระเป๋าคาดเอว 1 ใบ ในกระเป๋าพบเงินสดกว่า 10,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และสมุดพกจดบัญชีรายชื่อบุคคล 1 เล่ม

จากการสืบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าแม่เงินกู้และเท้าแชร์รายใหญ่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีปัญหาขัดแย้งกับ นางจำเนียนฯ (ผู้ต้องหา) เรื่องการเล่นแชร์ ซึ่งต่อมาทางผู้ต้องหาได้จ้างวานนายโชติฯ ด้วยเงิน 40,000 บาท ให้ร่วมกับลูกชายของผู้ต้องหาลงมือฆ่าผู้เสียชีวิต โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์ลวงให้ผู้เสียชีวิตออกมาพบ จากนั้นได้ให้ลูกชาย และนายโชติฯ อุ้มผู้เสียชีวิตขึ้นรถยนต์กระบะไปที่เกิดเหตุ โดยนายโชติฯ ได้ใช้เชือกรัดคอจนผู้เสียชีวิตสลบแน่นิ่งไป และโยนร่างทิ้งร่องน้ำคูถนน ซึ่งต่อมาทางผู้เสียชีวิตได้พยายามคลานขึ้นมาจากร่องน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ ลูกชายของผู้ต้องหาจึงได้ใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียชีวิต และนำศพโยนทิ้งร่องน้ำอีกครั้ง

ภายหลังทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิด ประกอบไปด้วย นางจำเนียนฯ (ผู้ต้องหา), นายโชติฯ และลูกชายผู้ต้องหา โดยทั้ง 3 ราย ได้ถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งในระหว่างพิจารณาคดี ผู้ต้องหาได้ขอประกันตัวออกมาต่อสู้คดี แต่ต่อมาภายหลังผู้ต้องหาได้หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ กระทั่งสามารถจับกุมได้ที่ชุมชนบ่อฝรั่งประชาชื่น ซอยเสริมสุข แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จากนั้นจึงได้นำตัวส่งศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป