กองปราบบุกรวบอดีตแฟนสาวแก๊งโรแมนซ์สแกมร่วมฉ้อโกง

กองปราบบุกรวบอดีตแฟนสาวแก๊งโรแมนซ์สแกมร่วมฉ้อโกง





ad1


กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม น.ส.จุฑาลักษณ์ฯ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.2/2564 ลงวันที่ 12 มกราคม พ.ศ.2564 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”, ศาลอาญาที่ จ.3350/2566 ลงวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” และศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.693/2564 ลงวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2564 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์  โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”ซึ่งสถานที่จับกุม บริเวณหน้าร้านอาหารในพื้นที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก

 พฤติการณ์ สืบเนื่องจากก่อนเกิดเหตุ น.ส.จุฑาลักษณ์ฯ ได้เดินทางไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซียและได้พบรักกับหนุ่มผิวสีชาวไนจีเรียผ่านการแนะนำของเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน 

จากนั้นแฟนหนุ่มชาวไนจีเรียได้รับผู้ต้องหามาอยู่ด้วยกันและได้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง โดยที่ผู้ต้องหา ไม่ต้องทำงาน ซึ่งระหว่างอยู่ด้วยกัน ผู้ต้องหาก็ทราบว่า แฟนหนุ่มทำงานเกี่ยวกับการหลอกผู้หญิงให้หลงรักแล้วหลอกให้โอนเงิน แต่ด้วยความรักผู้ต้องหาจึงไม่ได้คิดอะไร หลังจากอยู่ด้วยกันเกือบ 2 ปี แฟนหนุ่มก็ได้เดินทางกลับประเทศไปและไม่ได้เดินทางกลับมาอีก ผู้ต้องหาจึงเดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย แต่เนื่องจากหางานทำลำบากรายได้ไม่พอใช้ เพื่อนสาวคนไทยที่เคยแนะนำให้ผู้ต้องหารู้จักกับแฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย ก็ติดต่อมาหาและยืนข้อเสนอให้ผู้ต้องหาเปิดบัญชีม้าให้ โดยจะได้รับค่าตอบแทนในการเปิดบัญชี บัญชีละ 10,000 บาท และค่ากดเงินสด ครั้งละ 1% ของยอดเงินสดที่กดออกมา โดยจะให้กดเงินสดออกมา แล้วฝากเข้าบัญชีอื่น ตามที่เพื่อนสาวฯแจ้งมา ซึ่งผู้ต้องหาเปิดบัญชีให้ประมาณ 5-6 บัญชี และเคยกดเงินสดออกมาแล้วฝากเข้าบัญชีอื่น รวมเป็นเงินหลายล้านบาท ผู้ต้องหาได้ทำงานดังกล่าวอยู่ประมาณ 1 ปีเศษ บัญชีก็เริ่มถูกอายัดและเริ่มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามตัวและไม่สามารถติดต่อเพื่อนสาวฯได้อีก ผู้ต้องหาจึงเริ่มหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาจนทราบว่า ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ที่บริเวณร้านอาหารในพื้นที่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ 

เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหา
ทราบ ผู้ต้องหาจึงยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวนพริกไทย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป