ตำรวจกัมพูชาทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ่อนปอยเปตรวบ 4 ผู้ต้องหา โยงคดีสลดฆ่าโหด 3 ศพในไทย

ตำรวจกัมพูชาทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ่อนปอยเปตรวบ 4 ผู้ต้องหา โยงคดีสลดฆ่าโหด 3 ศพในไทย





ad1

ตำรวจกัมพูชาลุยบ่อนกาสิโนในเมืองปอยเปต ตรวจค้นฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูดเงินผ่านแอปฯเงินกู้ ต้นเหตุคดีสะเทือนใจ พ่อฆ่าเมียกับลูกรวม 3 ศพ รวบผู้ต้องหาคนไทย 4 คนคาคอก ขณะพูดจาหลอกล่อเหยื่อในประเทศไทย

จากกรณีนายสาณิช ดอกไม้ อายุ 43 ปี คลุ้มคลั่งใช้มีดฆ่าปาดคอ น.ส.วิภาพร ราชา อายุ 45 ปี ภรรยา ด.ช.ปุณณพัตน์ ดอกไม้ อายุ 9 ขวบ ลูกชายคนเล็ก และ ด.ช.บุณญานนท์ ดอกไม้ อายุ 13 ปี ลูกชายคนโต เสียชีวิตรวม 3 ศพ แล้วพยายามฆ่าตัวตายแต่รอดมาได้ สาเหตุจากความเครียดปัญหาหนี้สินค้ำประกันรถให้เพื่อนบ้านเป็นเงิน 8 แสนบาท จนถูกฟ้อง กรมบังคับคดีกำลังจะยึดบ้าน นอกจากนี้ภรรยายังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเข้าแอปพลิเคชันเงินกู้จนถูกดูดเงินไปกว่า 1.7 ล้านบาท หลังเข้าดำเนินการสืบสวนสอบสวนทลายแก๊งเงินกู้ออนไลน์ดังกล่าวพบว่ามีฐานตั้งอยู่แนวตะเข็บชายแดนฝั่งประเทศกัมพูชา หลังจากนั้นพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางไปประสานขอความร่วมมือ พล.ต.อ.ซอ เทศ ผบ.ตร.กัมพูชา ร่วมกันทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า หลังจากเข้าประสานความร่วมมือกับตำรวจกัมพูชา เมื่อวันที่ 9 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.พร้อมกำลัง ร่วมกับ พล.ต.ท.เสียง เทีย ริต รองผู้อำนวยการกองบัญชาการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติกัมพูชา พลตำรวจจัตวา ดารา สุเภีย รองผู้อำนวยการ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติกัมพูชา พ.ต.อ.ฮุง วี แรก ผู้บังคับการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติกัมพูชา และ พ.ต.ท.ชิ โคโบตร้า เลขาธิการผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ลงพื้นที่บุกตรวจค้นฐานคอลเซ็นเตอร์ภายในบ่อนพนันเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ชายแดนติดกับ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ผลการบุกตรวจค้นหาพบผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีอยู่ในกัมพูชาได้ 4 คน กำลังพูดคุยโทรศัพท์หลอกล่อเหยื่อในประเทศไทย ประกอบด้วย 1.นายสุพล วงเวียน อายุ 21 ปี หัวหน้าชาวไทยควบคุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ฝั่งกัมพูชา และจัดหาบัญชีธนาคารของผู้อื่น (บัญชีม้า) 2.น.ส.นิศารัตน์ สุขเกษม อายุ 22 ปี พนักงานในคอลเซ็นเตอร์ 3.น.ส.กนกพร ไกรสุข อายุ 19 ปี พนักงานคอลเซ็นเตอร์ และ 4.น.ส.กรกนก สิงทิศ อายุ 19 ปี พนักงานคอลเซ็นเตอร์ ดำเนินคดี 3 ข้อหา ประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ข้อหาร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้ยังตรวจยึดของกลาง อาทิ โทรศัพท์มือถือ บัตรเอทีเอ็ม สมุดบัญชีธนาคาร และหลักฐานอื่นรวมทั้งสิ้นกว่า 100 รายการ พร้อมเงินสดกว่า 240,000 บาท

สรุปผลการดำเนินการคดีนี้ออกหมายจับผู้ต้องหาไปแล้วทั้งสิ้น 30 หมายจับ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 16 คน แบ่งส่วนหน้าที่กันดังนี้ 1.กลุ่มเจ้าของบัญชีม้ารับโอนเงินจำนวน 16 คน จับกุมได้ 9 คน หลบหนี 7 คน 2.กลุ่มผู้ถอนเงินจำนวน 4 คน จับกุมได้ 2 คน หลบหนี 2 คน 3.กลุ่มจัดหาบัญชีม้าจำนวน 2 คน จับกุมได้ 2 คน 4.กลุ่มพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 6 คน หลบหนี 6 คน (อยู่ในกัมพูชา) และ 5.กลุ่มชาวจีนผู้ควบคุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์จำนวน 2 คน หลบหนี 2 คน (อยู่ในกัมพูชา)

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า จากคดีสลดพ่อฆ่าลูกเมีย 3 ศพ ของ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ สาเหตุเกิดจากหนี้สินหลายอย่างรวมทั้งการถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้โอนเงินผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ หลังสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งขบวนการที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวทั้งหมด ตั้งแต่บัญชีม้าจนถึงหัวหน้าขบวนการชาวจีนมากถึง 30 คน จับกุมแล้ว 12 คน และสืบทราบว่า กลุ่มเหล่านี้มีฐานอยู่ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา จึงประสานงาน พล.ต.อ.ซอ เทศ ผบ.ตร.กัมพูชา ทลายจุดคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มอีก 4 คน ทำหน้าที่โทร.หลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงิน จะนำตัวกลับไทยเพื่อดำเนินคดี หลังจากนี้จะร่วมกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ทั้งหมด