ขอนแก่นสั่งคณะกก.บริหารสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยหยุดปฎิบัติหน้าที่ทั้ง 13 สอบปมทุจริต

ขอนแก่นสั่งคณะกก.บริหารสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยหยุดปฎิบัติหน้าที่ทั้ง 13 สอบปมทุจริต





ad1

ขอนแก่นสั่งด่วนให้คณะกรรมการบริหารสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยหยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 13 คน เพื่อทำการตรวจสอบภายใน 15 วัน  เบื้องต้นพบชาวบ้านปฏิเสธหนี้ 30 รายมูลค่ารวมกว่า 9.5 ล้านบาท รอหลักฐานยืนยัน ก่อนเอาผิดคนร่วมขบวนปลอมเอกสารและลายมือชาวบ้าน

ที่หน้าสำนักงานสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย ได้มีชาวบ้านกว่า 100 คน รวมตัว เรียกร้องขอพบผู้จัดการสหกรณ์ฯ  เพื่อขอคำตอบในการที่จะคืนเงินให้ชาวบ้านที่ฝากเงินออมแล้วถอนเงินไม่ได้ รวมถึงชาวบ้านที่ถูกถอนเงินจากบัญชี ว่า สหกรณ์ฯจะคืนเงินให้เมื่อใด  

 นางสุวรรณ มีมาก อายุ  60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 ม.5 บ้านหนองนกเขียน ต.ขามป้อม อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น   กล่าวว่า เคยเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย แต่ลาออกแล้ว จึงมีเพียงการร่วมหุ้นในสหกรณ์ 107,000 บาท มีเงินออม 100,000  บาท  เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มาขอถอนเงินหุ้น  แต่ทางกรณ์ไม่ให้ถอน จึงไม่ได้ถอน จนทราบปัญหาที่เกิดขึ้นกับทางสหกรณ์ จึงมาพบผู้จัดการ และสอบถามถึงเงินหุ้น ผู้จัดการให้คำตอบว่า คนที่ถือหุ้น แม้จะลาออกจากสมาชิกสหกรณ์แล้วและถ้าไม่ค้ำประกันให้ใครก็สามารถมาถอนเงินหุ้นได้  จึงขอถอนเงินหุ้นทั้งหมด  แต่สหกรณ์ฯไม่มีเงินจ่ายให้  ซึ่งเมื่อรู้ว่าชาวบ้านที่เดือดร้อนรวมตังกันมาขอคำตอบจากผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยจึงเดินทางมาร่วมรับฟังด้วย  แต่สุดท้ายผู้จัดการก็หนีหน้า ไม่มาอธิบายกับชาวบ้านให้เข้าใจว่าจะแก้ไขปัญหาให้อย่างไร เมื่อใดจะถอนหุ้นได้

ด้าน นางช่วง สีสด อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.6 บ้านโคกสว่าง ต.สระแก้ว อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น กล่าวทั้งน้ำตาว่า  สามีตายมาแล้วหลายปี สามีเป็นหมัน จึงไม่มีลูก  เมื่อสามีตาย จึงเอาเงินที่เหลือจากการจัดงานศพของสามี มาฝากธนาคารกว่า 200,000 บาท  แต่เมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นว่า เข้าทำการตรวจสอบที่สหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย พบว่าเงินในบัญชีตนหายไปแสนกว่าบาท เหลือเงินในบัญชี 70,000 กว่าบาท  จึงมาถอนเงินไปไว้ทำนา แต่ทางสหกรณ์ฯแจ้งว่าไม่มีเงินให้

“ยายเสียใจมาก เพราะยายพึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ ยิ่งไม่มีเงิน ยืมใครก็ไม่มีใครให้  จะไปลอกตา จะไปหาหมอรักษาไทรอยด์เป็นพิษ ก็ไปไม่ได้ เพราะถอนเงินจากบัญชีที่ฝากกับสหกรณ์เปือยน้อยไม่ได้  ยายใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินเบี้ยยังชีพคนชราที่รัฐบาลมอบให้เท่านั้น  จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น นายอำเภอเปือยน้อย เข้ามาจัดการกับสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย สั่งผู้จัดการสหกรณ์ฯหาเงินมาคืนให้ยาย  ขอให้ยายเบิกเงินของยายออกมารักษาตัวเองได้ด้วย”

ในเวลาต่อมา นายสมบูรณ์ โนนเวียงแก  ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมสหกรณ์ 5 ในฐานะผู้ตรวจการสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น  นำคณะทำงานเดินทางมาที่สำนักงานสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย และออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่นั่งรวมตัวอยู่ด้านหน้าสหกรณ์ 

นายสมบูรณ์  กล่าวว่า ขณะนี้  เรื่องที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเปือยน้อยนั้น ผวจ.ขอนแก่น และสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่การจะหาเงินมาคืนให้ชาวบ้านตามที่ต้องการนั้น อยู่ที่การดำเนินการของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย  ส่วนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ที่ลงพื้นที่เข้ามาทำงานในสหกรณ์ฯนั้นมาตามคำสั่งของ รองนายทะเบียนสหกรณ์ ตามคำสั่งที่ (ขก.) 81/2566 ลงวันที่ 6 มิ.ย.2566 เรื่องให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณืการเกษตรเปือยน้อย จำกัด หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพราะนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำให้เกิดชนเหมาะสมความเสียหายแก่สหกรณ์หรือสมาชิก ผู้ต้องรับผิดชอบ และเพื่อให้ทราบความเสียหายทั้งหมดพร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการทุจริตและให้การดำเนินการตรวจสอบยอดเงินรับฝากของสมาชิกทั้งหมดทุกรายโดยดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งแก้ไขปัญหาการทุจริตดังกล่าว หากช้าไปจะเป็นเหตุให้สหกรณ์ได้รับความเสียหาย

" ขอให้คณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย จำกัด ชุดที่ 56 จำนวน 13 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว มีกำหนดระยะเวลา 15  วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง  หากสหกรณ์ประสงค์จะอุธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งให้ยื่นอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งติ่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับคำสั่งนี้ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งนายทะเบียน ที่ (ขก.)82/2566 ลงวันที่6 มิ.ย. 2566 มอบหมายผู้ตรวจสหกรณ์ ดำเนินการแทนคณะกรรมการ สหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยจำกัด เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องให้แล้วเสร็จตามวิธีการและระยะเวลาที่กำหนด โดยคำสั่งดังกล่าว มอบหมายให้นายสมบูรณ์ โนนเวียงแก  นักวิชาการสหกรณ์ชำนาญการ เป็นผู้ตรวจการสหกรณ์ พร้อมคณะทำงานอีก 6 คน รวมเป็น 7 คน ลงพื้นที่ทำงาน ตรวจสอบกิจการและฐานะการเงินของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อย เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องให้แล้วเสร็จ และให้รวบรวมพยาน หลักฐานการกระทำการทุจริตภายใน ภายใน 3 วัน  หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือบุคคลใด กระทำความผิด ให้ผู้ตรวจการสหกรณ์ ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษภายใน 3 วัน นับแต่วันที่มีมติที่ประชุม และก่อนการร้องทุกข์กล่าวโทษ ห้ามให้มีการยอมรับสภาพหนี้ หรือยอมความในความผิดอาญา"

นายสมบูรณ์ กล่าวต่ออีกว่า  การตรวจสอบของคณะทำงานตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.จนถึงวันที่ 2 มิ.ย. 2566 พบยอดหนี้เงินกู้ตามบัญชีของสหกรณ์การเกษตรเปือน้อย จากสมาชิกจำนวน 737 ราย เป็นหนี้อยู่ 472 ราย  แต่มีสมาชิกมาลงชื่อปฏิเสธการเป็นหนี้จำนวน 30 ราย รวมเป็นเงิน 9.5 ล้านบาท ซึ่งในจำนวน 30 รายที่ปฏิเสธหนี้นั้น ต้องตรวจสอบว่า รวมกับคนที่เข้าแจ้งความกับตำรวจ 14 รายหรือยัง   ซึ่งหลังจากนี้ ก็ต้องตรวจสอบว่า  สัญญาเงินกู้ที่ฝ่ายสินเชื่อนำเสนอคณะกรรมการของสหกรณ์การเกษตรเปือยน้อยอนุมัตินั้น ใครอนุมัติ ใครเซ็นรับเงิน

หากตรวจสอบพบข้อบกพร่อง ต้องรีบรายงานนายทะเบียนให้ทราบ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษคนที่เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มาทำงาน มาตรวจทาน และตรวจสอบในทุกกรณีทั้งการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของชาวบ้าน  เรื่องหุ้นที่ชาวบ้านถอนไม่ได้  รวมถึงเรื่องที่ชาวบ้านเป็นหนี้ที่ไม่รู้ตัว และเรื่องเงินฌาปนกิจ  ทุกอย่างต้องกระจ่างชัดเจนและต้องมีคำตอบ เพราะสิ่งที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดคือ อยากถอนเงินได้ ส่วนคนที่ถูกถอนเงินจากบัญชีก็อยากได้เงินคืน  คณะทำงานต้องทำงานอย่างรอบคอบชัดเจนและโปร่งใส  ใครทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคน