“ครูไทย”เรียกร้องรบ.ใหม่รมว.ศธ.ต้องเป็นครูเพื่อยกระดับการศึกษาไทย

“ครูไทย” ต้องการรัฐบาลใหม่ รัฐมนตรีว่าการกระทวงศึกษาคนใหม่ ต้องเป็นครู ทำการงานศึกษามาก่อน จัดการการศึกษาเพื่อปวงชนชาวไทย  ต้องออกแบบใหม่ พรบ.ครูให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม

นายประทุม เรืองฤทธิ์ ประธานสมาพันธ์ครูภาคใต้  เปิดเผยว่าว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมาทางสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ได้จัดกิจกรรมเวทีครูคิดวันปิดภาคเรียน ณ หอประชุมคุรุสภา  มีผู้นำครู 4 ภูมิภาค กว่า 200 คน มีสหพันธ์ครูภาคเหนือ ชมรมครูภาคกลาง ชมรมครูประชาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาพันธ์ครูภาคใต้ พร้อมภาคีเครือข่าย เช่น สมาคมข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ชมรมครูออนไลน์ กทม. เข้าร่วม

โดยมีการเสนอภาพทางการศึกษาให้กับพรรคการเมืองที่เข้าร่วมและรับฟังแนวนโยบายทางการศึกษาว่าเมื่อเข้าไปมีบทบาททางการเมือง หลังการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

โดยมีพรรคการเมืองที่เข้าร่วมและรับข้อเสนอ คือพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคไทยพร้อม และพรรคประชาชาติ และได้มีการรับตอบรับ

ทั้งนี้ที่ในเวทีครูคิด ฯ  ได้มีการนำเสนอปัญหาและเสนอแนะต่อพรรคการเมืองจากผู้แทนครูทั้ง 4 ภูมิภาค และจากนั้นทางสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศ ได้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการศึกษา 1. เด็กไทยเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ 2. จัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับครูและประชาชน 3. ทวงคืนสภาวิชาชีพครูและออก พ.ร.ก.จัดตั้งกองทุนพัฒนาครูและสร้างรายได้ และ 4. คุณสมบัติที่จำเป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่

นายประทุม กล่าวอีกว่า สำหรับกระทรงศึกษาธิการนั้น มีความสำคัญยิ่งต้องทำให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม การศึกษาต้องให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม สร้างความรู้ความสำนึกที่ถูกต้องกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนศึกษาค้นคว้าวิจัย วิทยาการ การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ  ฯลฯ

จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาที่มีคุณสมบัติ   มีคุณธรรมจริยธรรมซื้อสัตย์สุจริต ตรวจสอบได้ มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ และเคยดำรงตำแหน่งครู ทำงานการศึกษา มีความมุ่งมั่นที่สืบทอดเจตนารมณ์ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ  และการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพเพื่อปวงชนชาวไทย

ให้ความสำคัญวิชาชีพครู ต้องเป็นวิชาชีพที่ควบคุมวิชาชีพชั้นสูงมีสภาวิชาชีพมาตรฐานวิชาชีพ และใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ ฯลฯ

นายประทุม กล่าวอีกว่า ซึ่งทางผู้แทนพรรคการเมืองที่เข้าร่วมต่างเห็นพ้องต้องกัน และให้ความสำคัญต่อพระราชบัญญัติการศึกษาว่าจะต้องมีการร่างขึ้นมาใหม่ โดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และเห็นพ้องอีกว่าโครงสร้างของการจัดดการศึกษายุคใหม่จะต้องเน้นการกระจายอำนาจและมีส่วนร่วม.

โดย...อัสวิน ภักฆวรรณ