คุมตัวเฒ่าเพื่อนบ้านที่หลอกล่อ ด.ญ. 4 ขวบไปกระทำอนาจาร 3 ครั้ง ปฏิเสธบอกเด็กล้มโดนไม้ทิ่มเอง

ตำรวจ สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ได้ควบคุมตัวเฒ่าเพื่อนบ้านที่หลอกล่อ ด.ญ. 4 ขวบไปกระทำอนาจาร ทั้งใช้มือและพยายามใช้อวัยวะเพศสอดใส่สนองความใคร่ถึง 3 ครั้ง จนเหยื่อมีเลือดซึมที่อวัยวะเพศ เบื้องต้นยังปฏิเสธเสียงแข็งอ้างเด็กล้มไม้ทิ่มเอง เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้ง 2 ข้อหา
.
ความคืบหน้ากรณีที่นางแดง  (นามสมมติ) ชาวจังหวัดบุรีรัมย์  ได้พา ด.ญ.เอ  (นามสมมติ)  หลานสาว วัย  4 ขวบ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.นาโพธิ์   ว่าหลานสาวได้ถูก นายอุไรรัตน์  (สงวนนามสกุล)  อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน  หลอกล่อไปกระทำชำเราด้วยการใช้นิ้วแหย่และพยายามใช้อวัยวะเพศขสอดใส่ จนอวัยวะเพศของหลาน บวมแดงและมีเลือดซึม ทราบว่าก่อเหตุถึง 3 ครั้ง  ครั้งแรกที่บ้านของผู้ถูกกล่าวหา  ครั้งที่สองในป่า  และครั้งที่สามเมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา  ที่เถียงนา  ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น  
.
ล่าสุดวันนี้ (21 ก.ย.65)  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาโพธิ์  จ.บุรีรัมย์  ได้ไปควบคุมตัวนายอุไรรัตน์  (สงวนนามสกุล)  อายุ 60 ปี เพื่อสอบปากคำ หลังจากได้พา ด.ญ.เอ ผู้เสียหาย พร้อมกับยายซึ่งเป็นผู้ปกครอง เดินทางไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์  เพื่อให้นักจิตวิทยาและทีมสหวิชาชีพ ได้ร่วมสอบปากคำตามกระบวนการเพื่อประกอบสำนวนคดี  และได้สอบปากคำพยานทั้งญาติและเพื่อนบ้านประมาณ 6 – 7 ปาก ก็ยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาได้พาเด็กหญิงผู้เสียหายไปในวันเกิดเหตุจริง แต่ไม่ได้เห็นตอนที่กระทำอนาจาร
. 
แต่จากการสอบปากคำนายอุไรรัตน์ เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำอนาจาร ด.ญ. ตามที่ถูกแจ้งความกล่าวหา  แต่ยอมรับว่าได้พาเด็กไปที่สวนด้วยจริงในวันที่ 17 ก.ย. เพียงครั้งเดียว  เพราะเด็กอยากไปด้วย เพราะเด็กคุ้นเคยกับที่บ้านของตนเองเนื่องจากไปเล่นที่บ้านบ่อย ตั้งแต่สมัยที่แม่ของน้องอยู่ที่บ้านจะพาไปเล่นด้วยบ่อย  ตนก็เอ็นดูเด็กเหมือนเป็นลูกหลาน แม้จะไม่ได้เป็นหลานแท้ๆ   ส่วนที่เด็กมีเลือดไหลที่อวัยวะเพศ  คาดว่าน่าจะเกิดจากที่เด็กล้มในวันที่ไปสวนด้วยแล้วโดนไม้ทิ่ม   ยืนยันว่าไม่ได้ทำอนาจารเด็กแน่นอน ก็รู้สึกเสียใจที่ถูกกล่าวหาเพราะตนก็เคยช่วยดูแลเด็กตั้งแต่เล็กๆ จะทำแบบนั้นได้ยังไง
.
แต่จากคำให้การของเด็ก และพยานหลายปาก มีน้ำหนักที่เชื่อได้ว่ามีการก่อเหตุจริง   เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้ง 2 ข้อหา ฐาน “พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร และอนาจารเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี”  หลังจากนั้นก็จะรวบรวมพยานหลักฐาน และผลตรวจจากแพทย์  เพื่อสรุปสำนวนส่งให้อัยการตามกระบวนการต่อไป