คดีพลิก!! ศาลอุทธรณ์ สั่งคุก สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สนธิญาณ” คดีกบฏชุมนุม กปปส. ร่วมกับ “สำราญ รอดเพชร” ปิดล้อมคูหาเลือกตั้ง ร.ร.สุโขทัย ที่เหลือ ยกฟ้อง

คดีพลิก

คดีพลิก!! ศาลอุทธรณ์ สั่งคุก สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม  8 เดือน ไม่รอลงอาญา  “สนธิญาณ” คดีกบฏชุมนุม กปปส. ร่วมกับ “สำราญ รอดเพชร” ปิดล้อมคูหาเลือกตั้ง ร.ร.สุโขทัย ที่เหลือ ยกฟ้อง





ad1

20 ต.ค. 2564  ที่ศาลอาญารัชดาวันนี้ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.1191/2557, อ.1298/2557, อ.1328/2557 พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 4 อดีตแกนนำ กปปส. ได้แก่ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายสกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.กทม. (, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 70 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า  และนายเสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด

นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม  และจำเลยอีก 3 คน ได้เดินทางมาศาลพร้อมด้วยเเกนนำ กปปส.หลายคนอาทิเช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.นายถาวร เสนเนียม, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่เดินทางมาให้กำลังใจ ซึ่งทางนายสุเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ก็เดินทางมาให้กำลังใจกับจำเลยทั้ง 4 คน และก็พร้อมน้อมรับตามคำพิพากษาของศาล แม้ว่าจะเป็นศาลใดก็ตามก็เชื่อว่ามีการตัดสินไปตามหลักของกระบวนการยุติธรรม ส่วนในคดีกบฏ สำนวนของตัวเองนั้นก็เตรียมยื่นอุทธรณ์คดีในเดือน พ.ย.นี้

ในคดีนี้คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1-4 กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ , อั้งยี่ , ซ่องโจร ,มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ , เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล , ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง , ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มา ซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76 ,152 รวม 8 ข้อหา

คดีดังกล่าวเป็นสำนวนแรกที่อัยการยื่นฟ้อง ตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มีนายสุเทพ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 – 1 พ.ค. 2557 มีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง โดยท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี โดยจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธทุกหา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว การสืบพยานเริ่มเมื่อปี 2558-2562

ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2562 พิพากษายกฟ้องโดยพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลย นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานที่อัยการโจทก์นำสืบมารับฟังได้เพียงว่าจำเลยที่ 1-4 ได้เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. แต่ไม่ได้เป็นแกนนำที่สั่งการผู้ชุมนุมหรือขึ้นปราศรัยสั่งการให้กระทำการรุนแรง 

โดยการชุมนุมของ กปปส. ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้แล้ว ในคำวินิจฉัยที่ 59/2556 ว่าการชุมนุมของกปปส. มาจากการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 63 ซึ่งสืบเนื่องจากเหตุที่คัดค้านการออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมและไม่พอใจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-4 ได้กระทำความผิดตามฟ้องทั้ง 8 ข้อหา จึงพิพากษายกฟ้อง

ต่อมา ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า นายสนธิญาณ (จำเลยที่ 1) กระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฯ กรณีร่วมกับนายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต พิพากษาให้จำคุก 1 ปี อย่างไรก็ดีคำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือนไม่รอลงอาญา 

ส่วนจำเลยที 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฎพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง 

ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่เเก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น