"อัจฉริยะ" หอบหลักฐาน ร้อง ผบ.ตร.ตั้งสอบ 2 นายตำรวจ ลูกชายอดีต ผบช.และ ผบก. รวยอู้ฟู่ 2 พันล้านเอี่ยวเปิดเว็บพนันออนไลน์

วันนี้ (16 ม.ค.66) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง 2 นายตำรวจ ยศ ร.ต.ท.และ ร.ต.อ. ซึ่งเป็นลูกชายอดีตผู้บังคับการและผู้บัญชาการ กรณีพบความร่ำรวยผิดปกติ และมีเงินหมุนเวียนเข้าบัญชีกว่า 2 พันล้านบาท ตั้งแต่ปี 2561-2563 โดยมี พ.ต.อ.นิรันดร์ ทองฤทธิ์ รองผบก.(สบ5) พฐก. นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับเรื่อง

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากข้อมูลของนายตำรวจยศ ร.ต.ท. ก่อนเข้ารับราชการตำรวจ พบว่า เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์และตู้ม้า ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 เคยถูกจับตู้ม้า 60 ตู้ แต่ทำไมสามารถมาเป็นตำรวจรับราชการได้ ทั้งที่เป็นข้อห้ามของการรับราชการ นอกจากนี้ ยังได้มีการนำหลักฐานเส้นทางการเงิน ระหว่างตำรวจทั้ง 2 นาย และความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินไปยังอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรแห่งหนึ่งโดยพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีสูงถึงกว่า 20 ล้านบาท

นอกจากนี้ ร.ต.ท.รายนี้ยังเคยเข้าให้ไปสอบปากคำในฐานะพยานคดีพร้อมกับเครือข่ายค้ายาเสพติดกลุ่มชบา เมื่อปี 2563 ซึ่ง ร.ต.ท.ให้การยอมรับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ว่าตนเองเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ แต่สุดท้ายเมื่อปลายปี 2565 อัยการสั่งไม่ส่งฟ้องเครือข่ายชบา ในคดีสมคบคิดค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ซึ่งดีเอสไอ ก็ไม่ได้มีความเห็นแย้ง ทั้งที่อัยการมีความเห็นให้สั่งฟ้องเครือข่ายนี้ ในข้อหาพนันออนไลน์และร่วมกันฟอกเงิน หรือฐานหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งตนเองมีหลักฐานว่า ร.ต.ท. มีการจ่ายเงินให้กับผู้บริหารในดีเอสไอ อักษรย่อ ม. ซึ่งเป็นเจ้าของคดีนี้จำนวน 10 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี ดังนั้นวันนี้จึงมาซึ่งตนได้ไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. และ ป.ป.ง.แล้ว โดยวันนี้อยากให้ ผบ.ตร.ตรวจสอบว่านายตำรวจทั้งสองคนเข้ามารับราชการได้อย่างไรทั้งที่เคยถูกดำเนินคดีอาญามาแล้วแต่หลังจากมีการเปลี่ยนชื่อนามสกุลกลับสามารถเข้ามารับราชการตำรวจได้

นายอัจฉริยะ ยังเรียกร้องให้ ผบ.ตร.มีคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.มาดูแลคดีคนร้ายร่วมกับเจ้าหน้าที่ปล้นบ้านคนจีนในอำเภอหนองปรือ จังหวัดชลบุรี หลังมีการแจ้งว่าในบ้านหลังดังกล่าวมีเงินซุกซ่อนอยู่จำนวน 400 ล้านบาท แต่ข้อมูลเกิดความคลาดเคลื่อนทำให้กลุ่มคนร้ายไม่ได้ทรัพย์สินไป

ต่อมาตำรวจสามารถจับกุมกลุ่มคนร้ายได้ พบว่ามีนายตำรวจยศ พ.ต.ต.ร่วมขบวนการ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า นายตำรวจคนดังกล่าวมีความเชื่อมโยงจากโทรศัพท์มือถือกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ลักษณะเป็นการวางแผนและสั่งการร่วมเจ้าหน้าที่อีก 4 คน และเชื่อว่าขบวนการนี้มีเจ้าที่ดีเอสไอ ร่วมทำเป็นเครือข่ายประมาณ 25 คน