"ป๋าชู" ลั่น "กูไม่กลัวมึง" มีวินัยฝึกซ้อมทุกวัน แต่อีกฝ่ายสงสัย "แดกหมูกระทะมากไป" มั่นใจขึ้นเวทีนาทีเดียวไม่ล้ม "ยอมกราบ"
"ป๋าชู" ลั่น "กูไม่กลัวมึง"


11 พ.ย. 2565 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต่อเนื่อง ขอตบสั่งสอน ลั่นขึ้นเวทีนาทีเดียวไม่ล้ม "ยอมกราบ" บอกตนเองมีวินัยฝึกซ้อมทุกวัน วันละ 2 ชม.ไม่มีขาด แต่อีกฝ่าย สงสัย "แดกหมูกระทะ" มากไป มาติดตามรายละเอียดกันดังนี้ว่า
"กูไม่กลัวมึง
.
ผมเคยทำอะไรในอดีต ทุกคนทราบ ตกผลึกรอดมาถึงบัดนี้ได้ ถือว่าเกินคุ้ม
.
ไอ้พวกเทาที่แสร้งทำตัวขาว ขออนุญาตให้ผมจัดการเอง รับผิดชอบเอง
.
เพราะชอบอ้างว่ารู้ไปทุกเรื่อง เพื่อฟอกขาวไปใช้กับคนสีเทาดำในการต่อรองเอาผลประโยชน์เข้าตัว
.
เรียกราคาเป็นล้าน ได้แค่หลักหมื่น ก็เอาเข้าบ้านแล้ว
.
แต่นี่เป็นเรื่อง “ไร้สาระ” ที่ผมจำเป็นต้องตบสั่งสอน
.
หากขึ้นเวที ขอประกาศยืนยัน “นาทีเดียวไม่ล้ม ยอมกราบ”
.
วัดหุ่นกันก่อน
.
สงสัยแดก “หมูกระทะ” มากไป
.
ผมมีวินัย ฝึกซ้อมทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว
.
เอาเป็นว่า “กระดูกคนละเบอร์” อย่ามาเปรียบ “มวยคนละชั้น”
.
ส่วนเรื่อง “มีสาระ” ที่ผมเปิดประเด็น ตำรวจรับไปขยายผล จัดการ “จีนเทา” ผมกล้าเอาชีวิตที่เกินกำไรเป็นเดิมพัน ว่ากอบโกย สูบฉีดสังคม ทำร้ายคนไทย มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วมากมาย หากไม่เร่งจัดการวันนี้ อนาคตจะเป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อสังคม เศรษฐกิจ
.
สนิมจีนเทาดำเหล่านี้ หากไม่เกิดจากเนื้อในของคนไทยเทาดำให้การสนับสนุนแล้ว ย่อมไม่สามารถกระทำได้
.
จึงถือว่าผิดตามกฎหมายที่ต้องมี “ตัวการ” และยังมี “ผู้สนับสนุน”
.
เพราะดันมาบอกว่า “กลุ่มทุนจีน 5 เสือ” ที่ผมพูดถึงนั้นไม่ผิด เป็นผู้บริสุทธิ์ ทำมาหากินสุจริต แต่ไม่มีหลักฐานใดมาโต้แย้ง นอกจากปากที่อ้างว่า “รู้จัก” เหมือนทุกครั้งที่อ้างเมื่อมีกระแสร้อนแรงใดๆ ในสื่อขณะนั้น
.
ผมเปิดเผยข้อมูลเพื่อเตือนสังคมมาหลายเดือน จนถึงจุดเดือดที่ ผับ “จินหลิง” แถวยานนาวา ถูกเปิดเผยจะๆ คาตา
.
ต่อมาผมสื่อว่านี่คือ “ผับศูนย์เหรียญ” เพราะไม่เหลือเศษให้คนไทยได้กิน และล้อกับเรื่องที่ “บิ๊กโจ๊ก” เคยจัดการ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ของจีน
.
แต่มันร้ายแรงกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า เพราะพัวพันถึงยาเสพติด ฟอกเงิน ธุรกิจสีเทาดำต่างๆ อีกมากมาย เช่น คอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ เชื่อมโยงถึงใครเดาได้ไม่ยาก
.
ขนาดจีนเทาดำ “ตู้ห่าว” ที่หนีไปต่างประเทศ ยังมี “ไพรเวทเจ็ท” ส่วนตัว แล้วยังเจียดเศษเงินไปบริจาคให้พรรคการเมืองได้อีก
.
ยังไม่นับพวกหาเศษหาเลย ชอบอ้างว่ารู้ไปหมดทุกเรื่อง ที่เดือดร้อนเพราะกินเศษน้ำ นับเป็น “ตัวแทน” จากจีนเทาที่รีบออกมาปกป้อง
.
การอ้าง ใครๆ ก็อ้างได้ ไม่มีใครมา “การันตี” เพราะพวกทำผิด ต้องเงียบ เพื่อให้คนกลางไปเคลียร์ และใครจะมีพาวเวอร์ หากไม่ใช่คนที่สามารถออกสื่อเรียกแขกได้
.
แต่ไม่มี “หลักฐาน” ใดๆ นอกจากใช้น้ำลาย และความบ้า เป็นต้นทุน
.
ทุกครั้งก่อนการแฉ ผมต้องมี “ข้อมูล” อันเป็นประจักษ์ชัดเจน ไม่ใช่ “กั๊ก” ไว้เพื่อต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์
.
แม้แต่ “จีนเทาภาค 2” (ภาคพิสดาร) หากไม่เร่งขุดคุ้ย การประมูลของหน่วยงานรัฐจะมีการ “ฮั้วมหาศาล” หรือตัดราคายับจนชนะ
.
เพราะทุนจีนอาศัยสโลแกน “ขาดทุนวันนี้ เพื่อครองตลาดทำกำไรในวันหน้า”
.
ฉากหน้าเป็นบริษัทไทย แต่ไส้ในเป็นหุ้นจีนทั้งแท่ง เงินที่นำมาใช้เป็นทุนสีเทาดำ เอามาฟอกกลายเป็น “เงินขาว” แล้วคนไทยที่ไหนจะไปสู้ได้ ?
.
หลักฐานมีให้ “บิ๊กต่อ” และ “บิ๊กโจ๊ก” ไปแล้ว แต่ต้องสาวไส้นาน เพราะไม่ได้เห็นเงิน เห็นยาชัดๆ
.
พวกนี้เป็นเหมือน “จีนเทาใส่สูท” ปล้นเงินคนไทย แล้วโอนกลับไปตามบ่อนนอกประเทศ และโอนต่อไปไหนก็ได้ในโลก
.
ผมเคยทำร้ายสังคม และได้ชดใช้ความผิดไปหมดสิ้นแล้ว
.
รู้จักแบ่งแยก ดี เลว คบคนหลากหลาย จึงไม่แปลกใจที่มี ไอ้บ้า กล้ามาทุบประตูห้องประชุมในโรงพัก ขณะ รอง ผบ.ตร. นั่งอยู่
.
เพื่อประกาศศักดิ์ดาว่า “กูใหญ่” ไม่กลัวใคร
.
แต่ขอบอกไว้ว่า “กูไม่กลัวมึง”