ทลายแก๊งเวียดนามปล่อยเงินกู้ออนไลน์ข้ามชาติ ดอกเบี้ยสูงลิ่ว


ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 ,พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 ,พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 และ ว่าที่ พ.ต.อ.ดุสิต จิตรขุนทด ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี บก.ตม.3
สืบเนื่องจาก กก.สส.บก.ตม.3 ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายลับว่าที่บ้านเลขที่ แห่งหนึ่ง ม.2 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี มีกลุ่มคนต่างด้าวลักษณะพิรุธ มีการขนคอมพิวเตอร์เข้ามาลักษณะทำงาน ตรวจสอบไม่พบการแจ้งที่พัก จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ก.ค.68 พ.ต.ท.เดรินิว มิ่งเมือง สว.กก.สส.ฯ และ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ อุบลกาญจน์ สว.กก.สส.ฯ พร้อมกำลังชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ได้ตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวพบบุคคลลักษณะคล้ายบุคคลต่างด้าวนั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านจึงได้ประสานเจ้าบ้านมาตรวจสอบ โดยพบคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามเช่าพักอาศัยจริง
จากการตรวจสอบ พบชายชาวเวียดนาม 7 คน อายุระหว่าง 21- 40 ปี กำลังนั่งทำงานออนไลน์ภายในห้องพัก พบของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 7 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวนกว่า 29 เครื่อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก โดยคอมพิวเตอร์มีลักษณะโปรแกรมไอคลาวด์ และโปรแกรมการสื่อสารทางโซเชียลสื่อสารที่มีลักษณะเป็นการเข้ารหัสสามารถควบคุมข้อมูลบุคคลผู้อื่น ซักถามรับว่าทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นแอดมินในการปล่อยเงินกู้ให้กับชาวเวียดนามในประเทศเวียดนาม โดยโฆษณาชักชวนให้กู้เงินบนเฟสบุ๊ก และควบคุมโทรศัพท์ของลูกค้า ผ่านไอคลาวด์ โดยใช้บัญชีที่ผู้ให้กู้สร้างขึ้นเอง
กรณีลูกหนี้ผิดนัดชำระ ไม่ยอมคืนเงินตามที่กำหนด จะล็อกระบบไอคลาวด์เครื่องไอโฟนของลูกค้า ทำให้ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวมีโทษรุนแรงในประเทศเวียดนาม และปัจจุบันมีการปราบปรามกันอยู่ จึงได้แอบมาลักลอบเข้ามาทำในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ทางชุดสืบสวนแจ้งว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องขยายผลจากการจับกุมเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งมีการจับกุมกลุ่มขบวนการและความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ และได้ประสานข้อมูลกับทางการเวียดนามอย่างต่อเนื่องจนทำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 7 ว่าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย (เป็นอั้งยี่) และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือทำงานนอกเหนือสิทธิที่จะทำได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ ผบก.ตม.3 เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวนี้ทางการเวียดนามได้ทลายเครือข่ายปล่อยเงินกู้นอกระบบข้ามชาติ โดยใช้วิธีการให้กู้ยืมเงินผ่านบัญชี iCloud บนโทรศัพท์มือถือ จากการตรวจสอบมีผู้ร่วมขบวนการหลายร้อยคน โดยได้รับค่าตอบแทน 15% ถึง 20% ของยอดเงินกู้ ซึ่งทางการเวียดนามได้จับกุมผู้กระทำความผิดกว่า 40 ราย ยึดของกลางคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ตลอดจนทรัพย์สินและอุปกรณ์อื่นๆ
อีกจำนวนมาก พร้อมทั้งอายัดบัญชีธนาคาร 23 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยมูลค่าความเสียหายกว่า 400 พันล้านดอง มีผู้เสียหายกว่า 100,000 รายทั่วประเทศ และอัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 9,700 ดองต่อวัน (เทียบเท่ากับ 349.8% ต่อปี) โดยกรณีนี้เป็นความผิดเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ในประเทศเวียดนามมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูง 5 ปี ปรับกว่า 200,000 บาท
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการจับกุม และหลังจากดำเนินคดีในชั้นศาลแล้วผู้ถูกจับจะต้องถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ถูกบันทึกเป็นบุคคลต้องห้าม หรือ blacklist ห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และถูกส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป และขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ ในส่วนของบุคคลต่างด้าว
รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย พร้อมทั้งสนับสนุนภารกิจของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง