บิ๊กตู่ ขอให้เชื่อมั่นเสถียรภาพการเงินไทย

เสถียรภาพการเงินไทย

บิ๊กตู่ ขอให้เชื่อมั่นเสถียรภาพการเงินไทย





ad1

02 ส.ค. 2565 

02 ส.ค. 2565  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบการรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/65 ซึ่งมีแนวโน้มในทางที่ดีในระดับเศรษฐกิจมหภาค และต้องแยกแยะกับเศรษฐกิจระดับจุลภาคที่ยังต้องแก้ปัญหาอยู่ และในภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ที่ร้อยละ 3.3ในปีนี้ และคาดว่าเพิ่มเป็นร้อยละ 4.2 ในปีหน้า ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวการบริโภคภาคเอกชน และกำลังซื้อกลุ่มผู้มีรายได้สูงในประเทศในครึ่งปีหลังนี้ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 65 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 6 ล้านคน จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5.6 ล้านคน เป็นผลจากการเปิดประเทศ ส่วนนักท่องเที่ยวปี 66 คาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยว 19 ล้านคน และคาดว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิดทั่วโลก และสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องพิจารณา คือ เรื่องค่าเงินบาทที่มีผลต่อการนำเข้าและส่งออก ส่วนการส่งออกปี 65 ขยายตัวร้อยละ 7.9 จากที่คาดการณ์ร้อยละ 7.0 และขยายตัวต่อเนื่องในปี 66 แต่ยังมีปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันแปรไปตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยปี 65 อยู่ที่ร้อยละ 6.2 และคาดว่าลดลงเหลือร้อยละ 2.5 ในปี 66 โดยขอให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจเชื่อมั่นในเสถียรภาพระบบการเงินของไทยยังคงมั่นคงและแข็งแกร่ง จากการดำเนินนโยบายทางการเงินการคลังที่รอบคอบและมีวินัย

ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะนี้มีหลายโครงการและจากหลายประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุน แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเร่งด่วนกับธุรกิจในกลุ่มที่เปราะบาง และผู้มีรายได้น้อย โดยจะมีการหามาตรการช่วยเหลือต่อไป.