"แจ็คหม่า" ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา หลบใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น หลังรัฐบาลจีนกวาดล้างธุรกิจเทคโนโลยี

"แจ็คหม่า"หลบใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น

"แจ็คหม่า" ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา หลบใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น หลังรัฐบาลจีนกวาดล้างธุรกิจเทคโนโลยี





ad1

30 พ.ย. 2565   แจ็ค หม่า เก็บตัวเงียบนับตั้งแต่มีการกวาดล้างธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงการที่หน่วยงานกำกับดูแลยกเลิกแผนการเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชน หรือ ไอพีโอ แอนท์ กรุ้ป ผู้ให้บริการนวัตกรรมทางการเงิน (ฟินเทค) รายใหญ่ในเครืออาลีบาบาและยังมีคำสั่งปรับอาลีบาบาเป็นจำนวนเงินมากเป็นประวัติการณ์ด้วย

ไฟแนนเชียลไทม์ (เอฟที)  ซึ่งเป็นสื่อในเครือนิคเคอิ ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หม่า เพิ่งเดินทางมาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้และใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมากับครอบครัวของเขาที่กรุงโตเกียวและเมืองอื่น ๆ ของญี่ปุ่น รวมถึงการเดินทางไปเยือนสหรัฐและอิสราเอล เอฟที รายงานด้วยว่า หม่า แวะเวียนไปที่โมสรส่วนบุคคลหลายแห่งในกรุงโตเกียวอยู่เป็นประจำและกลายเป็นผู้สนใจสะสมศิลปะสมัยใหม่ของญี่ปุ่นรวมถึงการหาแนวทางขยายผลประโยชน์ทางธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน นอกจากนั้น ยังมีผู้พบเห็นเขาไปปรากฏตัวในสถานที่อื่น ๆ อีกเช่น เกาะมายอร์กา ในสเปน เมื่อปีที่แล้ว

หม่าซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากเกือบ 5 หมื่นล้านดอลลาร์เป็น 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการกับอาณาจักรเทคโนโลยีอันยิ่งใหญ่ของจีน กล่าวกันว่า ได้ลดกิจกรรมสาธารณะของเขาให้เหลือน้อยที่สุด

อาลีบาบากลายเป็นสายล่อฟ้าในการปราบปรามเทคโนโลยีรายใหญ่ หลังจากหม่าซึ่งมีชื่อเสียงในด้านท่าทีการพูดตรงไปตรงมาของเขา กล่าวหาหน่วยงานกำกับดูแลว่าขัดขวางนวัตกรรม

มีรายงานว่าความคิดเห็นของเขาสร้างความไม่พอใจให้กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญกับการประท้วงเกี่ยวกับนโยบายปลอดโควิดของจีน และต่อมา หม่าก็หายตัวไปจากสายตาของสาธารณชนเป็นเวลาสามเดือน

นอกจากนี้ ปักกิ่งยังสั่งให้อาลีบาบาขายสินทรัพย์สื่อบางส่วน ซึ่งรวมถึงเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ของฮ่องกง เนื่องจากรัฐบาลปราบปรามอิทธิพลสาธารณะที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีที่แผ่กิ่งก้านสาขาของประเทศ เช่น อาลีบาบาและเทนเซนต์

จากนั้นหลายเดือนต่อมา อาลีบาบาถูกปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์จากพฤติกรรมผูกขาดการแข่งขันทางการค้า