ชี้ปัสสาวะท้ายเรือ “ไม่เมคเซนส์” ชูนิติวิทยาศาสตร์-พยานแวดล้อม ไขปริศนา

ชี้ปัสสาวะท้ายเรือไม่สมเหตุผล

ชี้ปัสสาวะท้ายเรือ “ไม่เมคเซนส์” ชูนิติวิทยาศาสตร์-พยานแวดล้อม ไขปริศนา





ad1


- หลายปมปริศนาที่ยังคงเป็นข้อสงสัย และถูกตั้งคำถามจากสังคม ทำให้คดีของอดีตนักแสดงสาว ‘แตงโม นิดา’ ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม โดยวานนี้ (27 ก.พ. 2565) ในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนครั้งแรกของ ‘กระติก’ และ ‘แซน’ หลัง สภ.เมืองนนทบุรี เรียกสอบปากคำเพิ่มเติม 
.
▪️ สังคมคาใจ 2 ประเด็น ปัสสาวะท้ายเรือ ทั้งที่ใส่บอดี้สูท
.
จากคำบอกเล่าของ ‘แซน’ ที่บอกว่า “ขณะเกิดเหตุได้นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเรือโดยห้อยขาออกมาที่ท้ายเรือ ไม่ทันได้มองว่าแตงโมมานั่งปัสสาวะอยู่ที่ท้ายเรือ มารู้สึกอีกที่ตอนที่แตงโมใช้มือทั้ง 2 ข้างจับมาที่ขาตน แต่ก็ไม่ได้สนใจนอนเล่นโทรศัพท์ต่อ จนแตงโมพลัดตกนำ้ไปจึงได้ตะโกนบอก ‘กระติก’ ว่าแตงโมตกน้ำ หลังจากนั้นได้วนเรือกลับมาค้นหาแต่ไม่พบ” นั้น 
.
ได้นำมาสู่ 2 ประเด็น ที่สังคมยังคงคาใจ คือ 

1. ในขณะที่เรือแล่นอยู่ทำไมแตงโมถึงกล้าไปนั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือ นอกจากเป็นจุดที่อันตรายมาก ยังใกล้กลับใบพัดเรืออีกด้วย 

2. ชุดที่แตงโมสวมใส่เป็นบอดี้สูท ซึ่งยากมากต่อการถอด หรือแหวกออกเพื่อปัสสาวะ ในขณะที่ต้องทรงตัวท้ายเรือ และมือสองข้างยังจับขาแซนไว้ มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
.
▪️ ‘ทนายนิด้า’ มองว่าผู้เกี่ยวข้องบนเรือกำลังปกปิดความจริงอยู่
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมแล้ว ยังมีทนายชื่อดังที่เชี่ยวชาญกฎหมาย ออกมาวิเคราะห์และตั้งข้อสังเกตด้วย โดย ‘ทนายนิด้า’ ชี้ว่า “ส่วนตัวมองว่าผู้เกี่ยวข้องบนเรือกำลังปกปิดความจริงกันอยู่ ข้อเท็จจริงเรื่องไปปัสสาวะแล้วตกเรือก็ดูไม่เมคเซนส์อย่างหนักหน่วง และก่อให้เกิดประเด็นซักค้านอย่างสนุกสนานแน่นอน ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายโจทก์จะสามารถทำลายน้ำหนัก ข้ออ้างประเด็นนี้ของฝ่ายจำเลยได้
อย่างไม่ยาก ว่ามีการฉี่จริงหรือไม่”
.
ทนายนิด้า ระบุด้วยว่า “ถ้าเป็นเรื่องประมาทจริง ซึ่งอาจจะเกิดจากการขับเรือเร็ว หรือมีใครสักคนที่พิเรนทร์ ทำให้แตงโมตกลงไป ไม่ได้หมายความคนทั้งลำเรือ จะต้องรับผิดในข้อหาประมาททำให้คนตายนี้ไปด้วย ไม่จำเป็นต้องพูดกันไปในทิศทางเดียวกัน เป็นเสียงเดียวกันตอนให้การหรือเบิกความต่อศาล จากที่จะไม่ฉิบหายอาจจะ
ฉิบหายไปด้วย”
.
▪️ วิเคราะห์ 4 ปม มุมมองจากคำทำงานด้านกฎหมาย
.
ขณะที่ “เพจทนายตัวแสบ:Badass
Attorney” วิเคราะห์ในแง่คนทำงานกฎหมาย ดังนี้ 

1. เพื่อนคุณแตงโมอาจคิดว่าบนเรือมีกันแค่นั้น ทุกคนไม่พูดใครจะรู้ แต่โลกกฎหมายมีคำว่า “นิติวิทยาศาสตร์” อยู่ ยังไม่รวมไปถึง พยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งตอนนี้มีแน่ๆ คือน้องที่นั่งตกปลาที่เห็นตอนวนเรือไปมา ไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่ แถมตอนนี้มีคนทำคลิปจำลองการถ่ายเบาในชุดบอดี้สูทให้ดูเลยว่า มันยากขนาดไหน 

2. ประเด็นโบ้ยว่าเจ้าหน้าที่ไปช้าแล้วอ้างว่ามีหลักฐานการโทร ประเด็นคือโทรตอนไหน โทรทันทีหลังเพื่อนตกน้ำหรือ..โทรหาเจ้าหน้าที่หลังจมไปแล้วครึ่งชั่วโมง คุณบอกมีหลักฐานการโทร เจ้าหน้าที่เขาก็มีหลักฐานการรับสาย ยังไม่พูดถึงประเด็นไม่ยอมให้ข้อมูลจุดตกกับรายละเอียดเหตุการณ์ 

3. แชทลับที่คุณแม่ได้มา ไม่แน่ใจว่าข้อความในนั้นคืออะไร แต่ถ้ากู้ข้อมูลในโทรศัพท์คุณแตงโมได้ คงได้เอาข้อมูลมาประกอบกัน แล้วประมวลข้อมูลในการดำเนินคดีได้อีกที 

4. จนถึงตอนนี้มันก็ยังเป็นอุบัติเหตุ ที่เกิดจากความประมาทก็จริง แต่อาจมีความผิดอื่นเพิ่มเติมก็ได้ใครจะไปรู้
.
▪️การแจ้งเหตุหลังทราบว่ามีคนพลัดตกเรือ และแนวทางค้นหาช่วยเหลือเบื้องต้น
.
ทั้งนี้ ในเรื่องการช่วยเหลือคนพลัดตกเรือ ซึ่งตามคำบอกเล่าของเพื่อนแตงโม บอกว่า “ได้วนเรือกลับมาค้นหาแต่ไม่พบ” แม้ในรายละเอียดไม่ได้ระบุชัดว่า ในการค้นหาผู้ที่อยู่บนเรือปฏิบัติอย่างไร แต่หลักสำคัญที่สุดหลังรู้ว่ามีคนพลัดตกเรือ คือโทรแจ้งเหตุทันที เพื่อให้กู้ชีพกู้ภัยเข้าปฎิบัติการค้นหา พร้อมบอกรายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจน โดยในระหว่างรอเจ้าหน้าที่ หากมีการแล่นเรือค้นหา ตามแนวทางการช่วยเหลือคนจมน้ำตกน้ำ ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) ระบุว่า หลักการช่วยเหลือที่ถูกต้อง 4 วิธี คือ “ยื่น – โยน – พาย – ลาก” แต่แนวทางนี้อาจใช้ไม่ได้กับกรณีนี้หรือไม่
.
เนื่องจากตามคำบอกเล่าของแซน ที่ว่า “ตอนที่แตงโมใช้มือทั้ง 2 ข้างจับมาที่ขาตนพอรู้ว่าเป็นแตงโม ก็ไม่ได้สนใจนอนเล่นโทรศัพท์ต่อ จนแตงโมพลัดตกนำ้ไปจึงได้ตะโกนบอกกระติก ว่าแตงโมตกน้ำ หลังจากนั้นทุกคนบนเรือได้วนเรือกลับมาค้นหาแต่ไม่พบ”