กรมฝนหลวงลุยแก้ปัญหาหมอกควัน- ไฟป่า -ภัยแล้งภาคเหนือ


กรมฝนหลวงฯ รับมอบ “ท่าอากาศยานตาก” จากกรมท่าอากาศยาน ใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการบินดัดแปรสภาพอากาศ แก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า PM 2.5 และภัยแล้งภาคเหนือ
นายอิทธิ ศิริลัทยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีส่งมอบ - รับมอบความรับผิดชอบการบริหารท่าอากาศยานตาก จากกรมท่าอากาศยานให้กับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยมี นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรใช้ประโยชน์ในภารกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติการฝนหลวงและการบินเกษตร พัฒนาปรับปรุงท่าอากาศยานตากให้เป็นศูนย์หลักในการปฏิบัติการบินดัดแปรสภาพอากาศ และสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ในท่าอากาศยานตากได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก Pm2.5 ทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ปัญหาด้านมลพิษทางอากาศของภาคเหนือรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนและเป็นวงกว้าง อีกทั้งการปฏิบัติการฝนหลวง ยังสามารถบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้ รวมไปถึงภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือทำให้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้มีหนังสือถึงกรมท่าอากาศยาน เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเป็นหน่วยงานใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานตาก เพื่อการบินปฏิบัติการฝนหลวง และขอรับโอนท่าอากาศยานตาก เพื่อจะสามารถพัฒนาปรับปรุงท่าอากาศยานตาก ให้เป็นศูนย์หลักในการปฏิบัติการบินดัดแปรสภาพอากาศ การปฏิบัติการฝนหลวงบรรเทาภัยแล้งการปฏิบัติการดับไฟป่า และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก Pm2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้นตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
รมช.อิทธิ กล่าวอีกว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดตาก เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าวอยู่แล้ว และเล็งเห็นว่าปัจจุบันท่าอากาศยานตากไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ทำการบินแบบประจำมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 จึงเป็นการลดภาระด้านงบประมาณที่รัฐบาลต้องจัดสรรให้กรมท่าอากาศยาน รวมไปถึงจะเป็นการให้ทางราชการสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ท่าอากาศยานตากได้อย่างเต็มที่และเป็นการกระจายงบประมาณที่รัฐบาลสนับสนุนให้กรมท่าอากาศยานที่มีการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ เป็นการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ กล่าวว่า สำหรับท่าอากาศยานตาก ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2516 บนพื้นที่ 1,300 ไร่ ตั้งอยู่ในตำบลน้ำรึม อำเภอเมือง จังหวัดตาก เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2518 โดยเป็นที่ราชพัสดุทั้งหมด เดิมได้ถูกกำหนดบทบาทเป็น Local Airport ภายใต้แนวคิดการพัฒนาโดยเน้นโอกาสในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการบินในรูปแบบอื่น
เช่น Logistic Airport เพื่อพัฒนาศักยภาพของภาคการขนส่งทางอากาศของประเทศไทยในภาคตะวันตก แต่เนื่องจากการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งทางอากาศของภาคเหนือยังคงสอดคล้องกับการเติบโตของการเดินทางในภาคเหนือตอนบนที่มีศักยภาพในการยกระดับเป็นศูนย์กลางทางการบินของภูมิภาค ซึ่งจังหวัดตาก ไม่ได้อยู่ในจุดภูมิศาสตร์ที่รองรับการเดินทางท่องเที่ยว จึงทำให้ท่าอากาศยานตากไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ทำการบินมาเป็นเวลานาน และประชาชนสามารถใช้บริการท่าอากาศยานแม่สอดซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 107 กิโลเมตร และเปิดให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์แบบประจำและรองรับเที่ยวบินทั่วไปทดแทนได้
นอกจากนี้ กรมท่าอากาศยานไม่มีแผนการดำเนินการเพื่อบริหารจัดการในเชิงพาณิชย์ จึงทำให้การมอบหมายความรับผิดชอบและบริหารท่าอากาศยานตากให้กับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะทำให้ทางราชการสามารถใช้พื้นที่ได้เต็มศักยภาพ ในการพัฒนาปรับปรุงให้เป็นศูนย์หลักในการบินปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป