น้องสาวสอบติดพยาบาลวอนพี่ชายกลับบ้านเราเถอะหวั่นไม่ปลอดภัยจากสงครามอิสราเอล

น้องสาวสอบติดพยาบาลวอนพี่ชายกลับบ้านเราเถอะหวั่นไม่ปลอดภัยจากสงครามอิสราเอล





ad1

อำนาจเจริญ-น้องสาวแรงงานไทยในอิสราเอลวอนให้พี่ชายกลับไทยหวั่นไม่ปลอดภัยตนจะทำงานหาเงินเรียนพยาบาลเองพี่กลับมาเถอะ

เมื่อวันที่  27  ตุลาคม  2566  นางสาววิยะดา ศรีบุญเรือง อายุ  18  ปี พึ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กล่าวทั้งน้ำตานองหน้ากับผู้สื่อข่าวว่าว่าตนส่งสารพี่ชายที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลเนื่องจากดูข่าวในเฟดในไลน์และทางสื่อต่างๆที่มีการฆ่าฟัดกันทิ้งระเบิดใส่กันสนั่นเมืองเกรงว่าพี่ชายตนที่ไปทำงานอยู่ประเทศอิสราเอลจะไม่ปลอดภัยตนอยากให้พี่ชายกลับมาบ้านเราก่อนส่วนเรื่องเรียนต่อพยาบาลที่พี่ให้สัญญาว่าตะส่งน้องเรียนให้จนจบนั้น ตนคิดว่าตนจะหางานทำไปด้วยเรียนไปด้วยคิดว่าได้ไม่อยากไม่ลำบากเท่าไรหรอกขอแต่ให้พี่ชายที่ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กบับบ้านเถอะ

แต่ถ้าเป็นความคิดของพี่ชายจริงๆก็แล้วแต่  ส่วนตนได้แต่สวดมนต์ไหว้วอนให้พี่ชายของตนเองปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวงด้วยเถอะตนจะตั้งใจเรียนพยาบาลให้จบหลักสูตรและจะดูและแม่และขอคุณพี่ชายที่แสนดีของหนูด้วย แต่หากตนเรียนจบพี่ต้องให้สัญญาน้องว่าจะกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันแม่พี่ชายและหนูเองกินข้าวพร้อมหน้ากันทุกๆวันเราเสียพ่อไปมีแต่แม่แบะพี่ชายที่อสนดีของตนคนเดียวเท่านั้นขอให้พี่ดูแบสุขภาพแบะความปลอดภัยขอวตนให้ดีที่สุดนะพี่นัฐ

ทางด้านนางอนงค์   ศรีบุญเรือง  อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นแม่แท้ๆของณัฐพล กล่าวถึง ลูกชายของตนที่ชื่อณัฐ พล ศรีบุญเรือง อายุ 32 ปี ซึ่งเดินทางไปทำงาน ที่ประเทศอิสราเอล กล่าวกับผู้สื่อข่าวมติชนด้วยว่า เดือนนี้เข้าเดือนที่ 3 แล้ว ที่ลูกชายของตนไปทำงานครอบครับพวกตนลำบากหลังสามีเสียชีวิตลง  มาไม่นาน ก็คงเหลือแต่ลูก  3 คน คนแรกก็มีครอบครัว แยกบ้านออกจากแม่ ตนก็เหลือลูก 2 คน คนหนึ่งไปทำงานต่างประเทศ คือณัฐพล และน้องของณัฐพลที่รัฐพลส่งเรียนอยู่เพิ่ง จบม. 6 โดย ว่าแก่ตั้งใจจะน้องสอบเข้าเรียนต่อพยาบาลให้ได้ และเรียนต่อ ให้จบภายใน 4 ปี แล้วณัฐพล จะเป็นคนส่งเสียค่าเล่าเรียนให้ น้องวิยะดาฯเอง พอน้องจบ 4 ปี ณัฐพลจึงจะกลับจากอิสราเอล มาทำงานที่บ้านเกิด

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์สู้รบสงครามแบบนี้ขึ้นมา ตนผู้เป็นแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับแทบทุกวัน ยิ่งฟังข่าวการต่อสู้กันอย่างรุนแรงขึ้นทุกขณะและมีการจับตัวประกันที่เป็นคนไทยด้วยแล้วยิ่งใจจะขาด ยิ่งทำให้ตนหวาดกลัวไปหมดระแวงไปหมด แต่ดีหน่อยที่ได้ตนได้โทรศัพท์ ทางไลน์พอเห็นหน้ากันแทบทุกวันกับลูกก็ใจดีขึ้นมาระดัยหนึ่ง  แต่อย่างไรก็ตามหาก ลูกกลับมาตนก็ดีใจเงินที่ยืมไป145,000บาทก็ค่อยๆหาใช้หนี้เขาไป  แต่หากยังไม่มา ยังไม่ยากกลับ ก็ให้ลูกดูแลเรื่องความปลอดภัยให้มากนะลูก  ส่วนตนขอขอบพระคุณทาง จังหวัดอำนาจเจริญ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานจังหวัด จัดหางานจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงหน่วยงานต่างๆที่คอยมาให้กำลังใจตน ถึงที่บ้านตนจะไม่ลืมพระคุณเลย

ภาพข่าว นายทิพกร     หวานอ่อน/อำนาจเจริญ  รายงาน