ตำรวจภาค 4 รวบ "เต้นักต้มตุ๋น"หลอกสาวร่วมลงทุน ดาวน์รถ พบมีประวัติก่อเหตุ 17 คดี สูญกว่า 21 ล้านบาท

ตำรวจภาค 4 รวบ "เต้นักต้มตุ๋น"หลอกสาวร่วมลงทุน ดาวน์รถ พบมีประวัติก่อเหตุ 17 คดี สูญกว่า 21 ล้านบาท





ad1

ขอนแก่น-ตำรวจภาค 4 รวบ "เต้นักต้มตุ๋น" หลอกสาวให้หลงคารม ก่อนเชิดเงิน รวมทั้งรถยนต์ 20 คัน  รถจักรยานยนต์ 9 คัน มูลค่าความเสียหายกว่า  21 ล้านบาท

เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 23 มิ.ย. 2566 ที่ กก.3 บก.สส.ภ.4 (กองกำกับการ 3  กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4) พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.4 ร่วมกันจับกุม นายจิรากร เฉลยสุข อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999/1 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 352/2566 ลงวันที่ 19 มิ.ย. 2566 ในข้อหา  “ฉ้อโกง โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ผู้อื่น  โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 312 ม.1 ต.บ้านหว้า อ.เเมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

พล.ต.ต.ณัฐนนท์ กล่าวว่า หลังจากที่ น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 38 ปี และน.น.บี(นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ทั้งสองเป็นชาว อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองขอนแก่น ว่า ถูกนายจิรากร หรือเต้ หลอกลวง และนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยักยอกทรัพย์เงินสด รถยนต์ รวม 12 คัน จึงอยากให้ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย  ซึ่งหลังรับแจ้งความพนักงานสอบสวนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบจากนั้นได้ประสานงานไปยัง กก.สส.3 บกสส.ภ.4 เพื่อทำการสืบสวนจับกุม

"นายเต้ให้การว่า ไม่ได้หลอก โดยรถยนต์ที่ซื้อทุกคันก็เป็นคนให้เงินทุกคนไปดาวน์ แต่ดาวน์มาแล้วไม่ได้ส่งต่อ ก็ถูกทวงถามส่วนความสัมพันธ์อื่นๆก็ไม่ได้หลอกลวง ทุกคนเต็มใจอยู่กินด้วยกัน  ส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ฝ่ายหญิงซื้อมาทั้งหมดนั้น นายเต้ปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่อง  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขยายผลในกรณีของนายเต้ จนพบว่า มีประวัติอาชญากรรม 17 คดีในหลายท้องที่ ทั้งภาคกลางและเขตปริมณฑล โดยล่าสุดพบผู้เสียหาย เข้าแจ้งความเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองขอนแก่นและพื้นที่อื่นๆ รวม 10 ราย ความเสียหายทั้งหมดเป็นรถยนต์ 20 คัน  รถจักรยานยนต์ 9 คัน  รวมมูลค่า 21,964,561 บาท"

ในขณะที่ น.ส.เอ  ให้การว่า มีอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณ รับนวดตามบ้านพักอาศัยและตามที่ลูกค้าต้องการ  จนเมื่อเดือนเม.ย. 2565 ก็มีนายเต้มาติดต่อให้ไปนวด  โดยนายเต้แนะนำว่า ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส. และทำเพจรถเช่ารายเดือนและรายปี มีลูกค้าเช่ารถอยู่ทั่วประเทศ จากนั้นก็กลายเป็นลูกค้าประจำ และเป็นชายคนรัก

“นายเต้ให้หาเงินมาร่วมลงทุนทำรถเช่า จึงได้กู้เงินให้นายเต้ 1,500,000 บาท และเงินส่วนตัวอีก 1,000,000 บาท  โดยนายเต้บอกว่า เงินที่ร่วมทุนกจะคืนทุกบาท  จากนั้นนายเต้ก็ให้เงินไปดาวน์รถยนต์ จำนวน 5 คัน เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู จำนวน 2 คัน รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าวีออส จำนวน 1 คัน  รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าแจส จำนวน 2 คัน รถจักรยานยนต์อีก 1 คัน  รวมเป็นเงินที่เสียให้นายเต้ 6,835,270 บาทนอกจากนี้ นายเต้ ยังบอกว่า เงินที่เอาไปนั้น นอกจากทำรถเช่าร่วมกันแล้ว ยังร่วมทุนนำรถมินิคูเปอร์เก่าจากญี่ปุ่น เข้ามาในประเทศไทย ซ่อมส่งขายที่ประเทศมาเลเซีย  และทำฟาร์มผักไฮโดรโปรนิกส์ที่ สปป.ลาวและที่เชียงใหม่  แต่ทุกอย่างที่นายเต้พูดมา ไม่เคยเห็นสถานที่จริง ไม่เคยเห็นสัญญาเช่ารถ และไม่เคยเห็นอู่ซ่อมรถมินิคูเปอร์  มีเพียงนายเต้ส่งรูปสถานที่ต่างๆมาให้ดูทางไลน์ เมื่อช่วงปลายปี 2565 ติดต่อนายเต้เพื่อทวงเงินที่กู้มา แต่ติดต่อไม่ได้ จึงไปสอบถามที่เต็นท์รถที่นายเต้ เคยพาไปติดต่อซื้อรถ เซลจึงบอกว่า นายเต้เคยพาเมียมาซื้อรถ จึงขอที่อยู่เมียนายเต้ และตามไปที่บ้านเมียนายเต้ จนพบนางสาวบี อยู่ที่บ้านพัก  พอคุยกับนาวสาวบี จึงได้รู้ความจริงว่าถูกหลอกด้วยกันทั้งคู่"

ขณะที น.ส.บี  เปิดเผยว่า มีอาชีพขายสินค้าออนไลน์ รู้จักกับนายเต้ เมื่อเดือน ก.พ. 2564  ผ่านแอฟลิลูน่า หรือแอฟ ทางเดียวกันไปด้วยกัน  โดยได้โพสไว้ที่บอร์ดในแอฟว่า จะกลับบ้านที่บึงกาฬ ขอติดรถไปด้วย  จากนั้นนายเต้ก็ทักมาและได้คุยกันทางไลน์  นายเต้แนะนำตัวเองว่าชื่ออาคม คำพิลานนท์ ทำงานเป็นพาราเมดิก หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายฉุกเฉินทางการแพทย์ ในรพ.ชื่อดัง (รพ.กรุงเทพฯ) และเป็นช่วงลาพักร้อนหลายวัน จึงจะไปเที่ยวที่จ.บึงกาฬ เมื่อถึงวันเดินทางนายเต้ก็ให้ติดรถมาลงที่จ.บึงกาฬ  จากนั้นก็รับกลับไปที่กรุงเทพฯ  ซึ่งตลอดเวลาที่ร่วมเดินทางด้วยกัน นายเต้ไม่มีพิรุธ หรือแสดงกิริยาวาจาที่ไม่ดี

 “กลับถึงกรุงเทพฯ นายเต้ก็ไลน์มาหา โทรมาจีบ จนเป็นแฟนกัน นายเต้บอกว่า จะไปเซ้งร้านอาหารที่บึงกาฬ ให้ตนดูแลกิจการ   แต่วันต่อมานายเต้บอกว่า ตกลงราคากันไม่ได้ จึงไม่ให้ทำ จากนั้นนายเต้ ให้มาร่วมลงทุนทำกิจการรถเช่าที่ขอนแก่น โดยเช่าบ้านอยู่ด้วยกันในพื้นที่ ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น  ซึ่งการทำรถเช่านั้น นายเต้ บอกว่า รถที่มีปล่อยเช่าหมดแล้ว จึงต้องซื้อรถคันใหม่ และนายเต้ก็ให้เงินไปดาวน์รถยนต์คันใหม่ เป็นรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี 5 จำนวน 1 คัน และเดือน มี.ค. 2564 ให้ดาวน์รถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ เอ๊กซ์ ซีรี่ส์จำนวน 1 คัน ดาวน์รถยี่ห้อโตโยต้า วีโว่ 4 ประตู 1 คัน รถจักรยานยนต์อีก 2 คัน รวมเป็นเงิน 4,624,528 บาท และเงินสดที่ยืมไปทำธุรกิจอีก 900,000 บาท พยายามทวงถามเรื่องเงินที่ยืมไปลงทุนทำฟาร์มผักไฮโดรโปรนิกส์ ก็ไม่ได้ ขอดูสัญญาเช่ารถก็ไม่ได้ อ้างว่าติดงาน และต้องย้ายงาน ไม่มีเวลาว่างมาหา จึงพยายามหารายละเอียดที่เกี่ยวกับนายเต้ ในชื่อ อาคม คำพิลานนท์ จนพบว่ามีเพจเฟซบุ๊กแจ้งเตือนภัยว่านายเต้เป็นมิจฉาชีพ จึงได้ติดต่อพูดคุยกับคนโพสต์เตือน จึงได้ชื่อที่อยู่ขอนายเต้มาในชื่อนายจิรากร เฉลยสุข อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999/1 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ จึงเก็บหลักฐานไว้  กระทั่งเดือน มี.ค. 2566 ได้พบกับ น.ส.เอ มีการพูดคุยกัน และทำให้รู้ว่าต่างคนต่างถูกนายเต้หลอก จึงนำหลักฐานที่มีเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ให้จับกุมนายเต้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย"