“ธนกร”ไม่ขอวิจารณ์นโยบายเพื่อไทย“เงินดิจิทัล 1 หมื่น”แต่ตั้งข้อสังเกตชูตัวเลขหวือหวาหวังดึงเรตติ้ง

“ธนกร”ไม่ขอวิจารณ์นโยบายเพื่อไทย“เงินดิจิทัล 1 หมื่น”แต่ตั้งข้อสังเกตชูตัวเลขหวือหวาหวังดึงเรตติ้ง





ad1

“ธนกร”ไม่ขอวิจารณ์นโยบาย พท.“เงินดิจิทัล 1 หมื่น”เหตุยังไม่เห็นรายละเอียด ตั้งข้อสังเกตชูตัวเลขหวือหวาหวังดึงเรตติ้ง ต้องคำนึงผลกระทบการเงินการคลังของประเทศด้วย ถามเอาเงินจากไหน5แสนล้าน ฝากกกต.ช่วยดู ลั่นรทสช.ทุกนโยบายทำได้จริงมีแหล่งที่มางบประมาณชัดเจนและ”ลุงตู่”ทำสำเร็จมาแล้ว 
 
นายธนกร วังบุญคงชนะ  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเพื่อไทยมีนโยบายจะให้เงินประชาชนทุกคนที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ใส่ไว้ให้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล จำนวน 10,000 บาท ใช้จ่ายใกล้บ้านระยะทาง 4 กิโลเมตร ภายในเวลา 6 เดือนว่า ได้ยินแต่เขาบอกจะแจก 1 หมื่นบาท แต่ในรายละเอียดจะทำอะไรอย่างไรก็ยังไม่เห็น จึงไม่อยากวิจารณ์ไปก่อน แต่เพียงตั้งข้อสังเกตว่า เงินที่เติมในกระเป๋าเงินดิจิทัล เป็นเงินที่ได้มาอย่างไร เงินบาท  หรือเงินดิจิทัล เพราะถ้าเป็นเงินบาท จะเอาเงินมาจากไหน แจกเงินคนละ 10,000 บาท ซึ่งมีประชากรที่จะได้รับราว 50 ล้านคน ต้องใช้เงิน 500,000 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นเงินดิจิทัล ต้องดูว่าเป็นเงินดิจิทัลที่ได้มาอย่างไร ถ้าใช้เงินจริงมารองรับการออกเงินดิจิทัล จะหาเงินมาจากแหล่งใด แต่ถ้าเป็นเงินบาทดิจิทัลที่เสมือนหนึ่งเป็นการพิมพ์เงินใหม่ขึ้นมา คงต้องคุยกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ดี เพราะอาจมีผลกระทบต่อภาพรวมระบบต่อการเงินในประเทศได้


 
เมื่อถามว่านโยบายลักษณะนื้เป็นประชานิยมหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นการเอาตัวเลขตัวเงินจำนวนสูงๆ มาสร้างความหวือหวาให้เกิดความน่าสนใจ เรียกคะแนน เป็นการตลาดที่พรรคเพื่อไทยถนัดแต่ไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประเทศในภาพรวม วันนี้การออกนโยบายอะไรก็แล้วแต่ไม่อยากให้มุ่งเอาแต่คะแนนเสียง โดยไม่คำนึงถึงว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังในระยะยาวอย่างไร ตนอยากฝากไปยังกกต.ช่วยดูด้วยว่านโยบายดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบกกต.หรือไม่เพราะทุกนโยบายต้องแจงรายละเอียดที่มาของงบประมาณ

ขณะที่นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ผ่านการพิจารณามาอย่างรอบด้าน อาทิ บัตรสวัสดิการของรัฐ 1,000 บาท ปล่อยกู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท การดูแลพี่น้อง อสม. 2,000 บาท ดูแลผู้สูงอายุอีก 1,000 บาท และอีกหลายนโยบาย เหล่านี้ได้ศึกษามาแล้วว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการเงินการคลัง สามารถทำได้จริง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ทำสำเร็จมาแล้วยกระดับชีวิตให้ดีขึ้นจริงในระยะยาว ไม่ใช่บอกว่าเอามาแจกให้ใช้แค่ 6 เดือน