เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูภาคใต้ตื่นตัวกลับมาเลี้ยงรอบใหม่ แต่ผวา"หมูเถื่อน"เกลื่อนดั๊มราคารายย่อยตาย

เกษตรกรหมูพัทลุงรายใหญ่ภาคใต้ ตื่นตัว กลับมาเลี้ยงรอบใหม่ แต่ยังผวาหนัก “หมูกล่อง” จากต่างประเทศ ระบุ หมูกล่องส่งผลให้หมูใต้ ยอดขายทรงตัวไม่ขยับขึ้นตามธุรกิจท่องเที่ยวที่โตขึ้น ด่านกักกันสัตว์ ระบุจับได้ 12 ตัน ที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เป็นครั้งแรก ร่วมกับทหาร ตำรวจ ศุลกากร ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง มีหลายช่องทางนำเข้า

เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า พื้นที่จังหวัดพัทลุงซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ผู้เลี้ยงสุกร รายใหญ่อันดับต้นทางภาคใต้ยังเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หมูกล่อง หรือ หมูเถื่อน ที่นำเข้าจากตลาดต่างประเทศ เรื่องของแหล่งที่มาว่าหมูปลอดโรค หมูป่วย และราคาที่ต่ำกว่า จึงไม่กล้าตัดสินใจที่จะลงทุนเลี้ยงรอบใหม่

สำหรับหมูกล่องที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ยอดขายหมูทรงตัว ขณะที่ธุรกิจการท่องเที่ยวในภาคใต้ เช่น จ.สงขลา และย่านอันดามัน ซึ่งขณะนี้ที่กำลังเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นแหล่งบริโภคหมูรายใหญ่ของนักท่องเที่ยว โดยหลักก็จะเพิ่มขึ้นตามนักท่องเที่ยวด้วย แต่กลับปรากฏว่าหมูของทางภาคใต้ ก็ยังทรงตัว คงจะเป็นหมูกล่องเข้ามาเพิ่มเติม หากหมูกล่องยังมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายเล็ก รายย่อย ก็จะประสบปัญหาจะหายไปจะเหลือแต่ผู้เลี้ยงรายใหญ่ แต่ถึงอย่างไรผู้เลี้ยงรายใหญ่ก็น่าวิตกเช่นกัน

“หมูกล่องซึ่งแต่ก่อนนำเข้ามาเป็นรายย่อยรายเล็ก แต่มาหลังนำเข้ามาเป็นตู้ตู้คอนเทนเนอร์ แล้วนำใสกล่องโฟม กระจายไปทั่ว โดยทางออกทางการจะต้องเข้มแข็งจับแล้วทำลายก็จะทยอยหายไป ”

ด้านนายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ทางกรมปศุสัตว์ ปศุสัตว์จังหวัดพัทลุง ร่วมกับสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ได้จัดสัมมนาเกษตรผู้เลี้ยงสุกรแบบความปลอดภัย ตามนโยบายกรมปศุสัตว์ที่ส่งเสริมการเลี้ยงสุกรในการกลับมาเลี้ยงใหม่ ที่ จ.พัทลุง โดยปศุสัตว์จังหวัดพัทลุงเป็นประธาน ซึ่งเกษตรกรมีการตื่นตัวสูงมากได้เข้าร่วมถึงประมาณ 150 คน

ในการสัมมนากรมปศุสัตว์เน้นการเลี้ยงต้องมีมาตรฐาน ทั้งการเลี้ยงการเคลื่อนย้าย ต้องเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย และการเลี้ยงให้รอด ตลอดจนเรื่องสายพันธุ์หมูที่มีความแข็งแรงและมีผลผลิตที่ได้ปริมาณ

สำหรับเรื่องตัวแปรเกี่ยวกับหมู ที่มีความกังวลกันมากคือเรื่องหมูกล่อง เพราะได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาในพื้นที่ได้อ่อนตัวลง และกังวลมากที่สุดคือเรื่องหมูกล่องที่ไม่มีการตรวจเชื้อโรค มีสารปนเปื้อน และถ้าเป็นหมูป่วยก็จะกระทบหนัก อย่างไรก็ตามเรื่องราคานั้นหมูได้ราคาที่ดีพอมีกำไร แต่กลับมีหมูข้างนอกมาทำการดั้มราคา ซึ่งผู้เลี้ยงจะให้ผู้อยู่กันอย่างไร รายย่อยรายเล็กหายไปเหลือรายใหญ่ก็จะเสียหายตามด้วย

นายปรีชา กล่าวอีกว่า ในช่วงสถานการณ์โรคอหิวาต์สุกร (CSF). ทางภาคใต้ได้หายไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ จาก 100,000 กว่าแม่พันธุ์ มาเหลือประมาณ 70,000 แม่พันธุ์ แต่ตอนนี้ได้ขยับมาเลี้ยงกันเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นประมาณว่า 75,000 ตัว และให้ผลผลิตแล้ว ประเด็นสำคัญในการเลี้ยงใหม่ คือยังขาดแม่พันธุ์ จึงต้องเอาหมูขุนมาทำเป็นแม่พันธุ์ 

ขณะที่นายณัฐชัย วรสุทธิ์ ด่านกักกันสัตว์สงขลา กล่าวว่า ได้ทำการจับกุมหมูกล่องที่นำเข้ามากับรถบรรทุก ซึ่งไม่มีเอกสารสำแดงจำนวน 12 ตัน ที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา โดยฝ่ายปราบปรามศุลกากร แล้วทางด่านกักกันสัตว์สงขลา เป็นผู้ทำลาย
ทั้งนี้ทางด่านกักกันสัตว์สขลา จะขยายผลถึงขบวนการลักลอบในครั้งนี้ ตามนโยบายและคำสั่งของอธิบดีกรมปศุสัตว์ เข้มงวดเรื่องนี้มาก

นายณัฐชัย กล่าวอีกว่า การลักลอบนำเข้าหมูกล่องจากต่างประเทศมีหลายช่องทาง ทางน้ำทางบก ซึ่งได้ตรวจสอบหาข่าวซุ่มดักปราบปรามจับกุม โดยจะร่วมปฏิบัติการกับทหาร ตำรวจ ศุลกากร

“หมูลักลอบนำเข้าจะบรรจุเป็นกล่อง และเป็นถุงแล้วแต่ละเพคเกจของแต่ละโรงงาน ส่วนใหญ่จะชิ้น มีเนื้อแดง หมูสามชั้น ซึ่ง นโยบายของรัฐจะต้องตรวจสอบจับกุมอย่างต่อเนื่องเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังพบกับข่าวสารแจ้งมีแต่ข่าวแต่กลับไม่มีของ และตอนนี้ค่อนข้างจะเงียบเกี่ยวกับการลักลอบนำเข้าอีกต่อเนื่อง