"มนัญญา"ล่องใต้ เปิดมหกรรมงานแสดงสินค้าฮาลาลอาเซียน 2565 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

"มนัญญา"ล่องใต้ เปิดมหกรรมงานแสดงสินค้าฮาลาลอาเซียน 2565 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ





Image
ad1

ปัตตานี-สถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับศูนย์การค้าอาเซียนมอลล์ปัตตานี  จัดงานมหกรรมแสดงสินค้าฮาลาลอาเซียน 2565  ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2565 ณ ศูนย์การค้าอาเซียนมอลล์ปัตตานี ต.บานา ฮ.เมือง จ.ปัตตานี  เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้ผลิตสินค้าบริโภค อุปโภคและบริการด้านฮาลาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเวทีเครือข่ายด้านธุรกิจฮาลาลกับกลุ่มประเทศอาเซียน ส่งผลให้สามจังหวัดชายแดนใต้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าและบริการฮาลาลที่สามารถป้อนสู่ประเทศมุสลิมได้ในอนาคต

นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เป็นประธานพิธีเปิดมหกรรมงานแสดงสินค้าฮาลาลอาเซียน 2565  ในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดยมี  ผศ.ดร.อัสมัน แตอาลี  ผู้อำนวยการสถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  กล่าวรายงาน , รศ.อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ รองอธิการบดีวิทยาเขตปัตตานี  และ  Datuk Haji Jamal Mohd Amin  ผู้บริหารศูนย์การค้าอาเซียนมอลล์ปัตตานี กล่าวขอบคุณ  , ผศ.ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ  รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยฟาฏอนี กล่าวต้อนรับ ,  ดร.อับดลรอหมาน กาเหย็ม คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดี  และกล่าวโอวาทและขอพรโดยนายแวดือราแม มะมิงจิ  ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี

นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า สินค้าและบริการฮาลาลของประเทศไทยนับได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้โตขึ้นได้ในอนาคต เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในหลายๆ ด้านที่จะผลิตสินค้าและบริการฮาลาลที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งสถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับศูนย์การค้าอาเซียนมอลล์ปัตตานี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของตลาดฮาลาล โดยมีการจัดมหกรรมงานแสดงสินค้าฮาลาลอาเซียน 2565 (ASEAN Halal Expo 2022)เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้ผลิตสินค้าบริโภค อุปโภค และบริการด้านฮาลาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความตื่นตัว และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการฮาลาลมาจำหน่ายสินค้าและบริการฮาลาล หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด - 19  ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมสนับสนุนและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาลของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเข้มแข็ง โดดเด่นและเป็นรูปธรรมชัดเจน และพร้อมที่จะบูรณาการสินค้าฮาลาล ร่วมกับสถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะดูแลในส่วนของต้นน้ำในด้านการผลิต ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ ซึ่งมั่นใจว่าชาวมุสลิมจะต้องได้รับประทานอาหารที่ฮาลาล รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ฮาลาลไทยให้แก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศต่อไป

ผศ.ดร.อัสมัน แตอาลี ผู้อำนวยการสถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างสถาบันฮาลาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และศูนย์การค้าอาเซียนมอลล์ปัตตานี ว่า นับว่าเป็นความร่วมมือในการพัฒนาและส่งเสริมด้านการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการฮาลาลอันเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ที่ทำให้มีผลกระทบเชิงลบในด้านเศรษฐกิจและสังคม  ผู้ประกอบการมีรายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการจัดงานมหกรรมงานแสดงสินค้าฮาลาลอาเซียน 2565 (ASEAN Halal Expo 2022)  ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2565 ณ ศูนย์การค้าอาเซียนมอลล์ปัตตานี  ตำบลบานา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ผู้ผลิตสินค้าบริโภค อุปโภคและบริการด้านฮาลาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความตื่นตัวมากขึ้นหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด – 19  ประกอบกับยังเป็นเวทีสร้างเครือข่ายด้านธุรกิจฮาลาลกับกลุ่มประเทศอาเซียนให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น ทำให้สามจังหวัดชายแดนใต้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าและบริการฮาลาลที่สามารถป้อนสู่ประเทศมุสลิมได้ในอนาคต

กิจกรรมในงานประกอบด้วย การบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับศูนย์การค้าอาเซียนมอลล์ปัตตานี การเสวนาจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านฮาลาลทั้งในและต่างประเทศ อาทิ เรื่อง “โอกาสของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการพัฒนาธุรกิจฮาลาลสู่ระดับสากล”  เรื่อง “โอกาสการขับเคลื่อนธุรกิจฮาลาลระหว่างไทย-มาเลเซีย”   เรื่อง“แนวทางการพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานฮาลาลของไทยและมาเลเซีย” และมีการสาธิตการทำเมนูอาหารและเครื่องดื่มฮาลาล รวมทั้งมีกิจกรรม Halal Pitch เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีงานแสดงสินค้าและนิทรรศการฮาลาลนานาชาติ  จำนวน 136 ร้านค้า บูธจากประเทศไทย จำนวน 86 ร้านค้า และบูธนานาชาติ 50 ร้านค้า เช่น ประเทศมาเลเซีย ลาว และกัมพูชา  จำหน่ายสินค้าประเภทอาหาร เสื้อผ้า และอื่นๆ  ซึ่งแบ่งเป็น 2 โซน คือ บูธภายในห้าง  ได้แก่ บูธนานาชาติ จำนวน 50 ร้านค้า และบูธประเทศไทยจำนวน 26 ร้านค้า อีกทั้งมีการจำหน่ายสินค้าอาหารปรุงสดของประเทศไทย จะอยู่ภายนอกห้าง จำนวน 60 ร้านค้า