กฟผ.จับมือเมืองพัทยา-ทช.วางปะการังเทียมฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล

กฟผ.จับมือเมืองพัทยา-ทช.วางปะการังเทียมฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล





ad1

ชลบุรี-กฟผ.จับมือเมืองพัทยา และ ทช.วางปะการังเทียมจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าแรงสูง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล

กฟผ. จับมือเมืองพัทยา และ ทช. จัดกิจกรรมวางปะการังเทียมจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าแรงสูง ครั้งที่ 9 ประจำปี 2565 ร่วมฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลบริเวณเกาะล้าน - เกาะสาก พร้อมสร้างแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล สอดคล้องหลัก Circular economy และใช้ทรัพยากร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

5 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับเมืองพัทยา และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดกิจกรรม จัดวางฐานลงเกาะปะการังจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า ครั้งที่ 9 ประจำปี 2565 ภายใต้โครงการบ้านปลาปะการังเทียม จากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าของ กฟผ. โดยมีนายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 ทช. นายวิศิษฎ์ ปฐมเจริญโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคกลาง กฟผ. หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดชลบุรี ชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำแบบเดินใต้ทะเล (Sea walker) นักดำน้ำอาสาสมัคร ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานของ ทช. และ กฟผ. เข้าร่วมกิจกรรมและลงเรือเพื่อนำฐานลงเกาะวางลงในทะเล ณ บริเวณเกาะล้าน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

การดำเนินโครงการบ้านปลาฯ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. ได้ดำเนินโครงการวางบ้านปลาปะการังเทียมจากลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของรัฐบาล และหลัก Circular economy หรือ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการหมุนเวียนของทรัพยากรหรือวัสดุ กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่ง กฟผ. ให้ความสำคัญและกำหนดเป็นแนวทางในการดำเนินงาน

กิจกรรมในครั้งนี้ กฟผ. ได้ส่งมอบฐานลงเกาะปะการังลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้าให้แก่ ทช. เมืองพัทยา และชมรมผู้ประกอบการ Sea walker ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น จำนวน 300 ชุด ครอบคลุมพื้นที่ 2 ไร่ แบ่งออกเป็น การนำไปวางที่บริเวณเกาะล้าน จำนวน 200 ชุด และบริเวณเกาะสาก จำนวน 100 ชุด เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเลบริเวณเกาะทั้งสองแห่ง ให้อุดมสมบูรณ์ สร้างแหล่งที่อยู่อาศัยและอนุบาลสัตว์ทะเล รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลเชิงอนุรักษ์ต่อไ

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน