เครือข่ายรามคำแหงฯรำลึกพฤษภาทมิฬ 35 ย้ำต้องแก้รัฐธรรมนูญ 60


เครือข่ายรามคำแหงฯ จัดเวทีเสวนารำลึกพฤษภาทมิฬ 35 ย้ำต้องแก้รัฐธรรมนูญ 60 เชื่อประเทศไทยยังมีความหวัง
วันนี้ (16 พ.ค. 65) เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้จัดกิจกรรมรำลึกวีรชนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 และงานเสวนาในหัวข้อ “รัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน” โดยมีนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช. , ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , นายปกรณ์ อารีกุล หัวหน้าคณะทำงานโฆษกพรรคก้าวไกล , นายนันทพงศ์ ปานมาศ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย , นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และดำเนินการโดยนายชูวิทย์ จันทรส มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว ร่วมวงเสวนา
นายนันทพงศ์ ระบุว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมีประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนจริง ๆ ทุกครั้งที่มีงานรำลึก ก็ต้องโหยหาประชาธิปไตยทุกครั้ง ถ้าประเทศไทยมีประชาธิปไตย พวกเราจะไม่ต้องสูญเสียวีรชนปี 35 และไม่เกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมอย่างในปี 53 อีกทั้ง นักเรียนนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยจะไม่ต้องติดคุก พร้อมยังทิ้งท้ายไว้ว่า
“ ไม่มีประเทศใดในโลกที่นายพลมาบริหารแล้วประเทศจะดีขึ้น ไม่มีประเทศใดในโลกที่รัฐประหารแล้วจะดีขึ้น “อาจารย์ปริญญา ได้กล่าวถึงวิธีการแก้ปัญหาของรัฐธรรมนูญปี 2560 ในตอนนี้ว่า ต้องตัดอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายก ให้เหลือ 1 คน 1 เสียง ที่เป็นอำนาจของประชาชน เห็นต่างได้แต่ต้องอยู่ร่วมประเทศกันให้ได้ โอกาสที่จะแก้รัฐธรรมนูญได้คือต้องรอร่างใหม่อีก 2 ปี ที่ ส.ว. จะหมดวาระ พร้อมขอให้รัฐธรรมนูญฉบับต่อไปเป็นฉบับสุดท้าย และฝั่งประชาธิปไตยต้องมาสรุปบทเรียนว่าทำอย่างไร จะได้ไม่ต้องถูกฉีกรัฐธรรมนูญอีกครั้ง แล้วจะทำอย่างไรให้ประชาธิปไตยไม่ล้มเหลวอีกครั้ง
ด้านนายปกรณ์ ได้ระบุด้วยว่า ตนเห็นด้วยกับเรื่องที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องสรุปบทเรียนที่ผ่านมา ทั้งจากเหตุการณ์ 14 ตุลา เหตุการณ์ 6 ตุลา และพฤษภา 35 พร้อมเน้นย้ำว่าต้องแก้ไขมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. เอาเสียงส.ส. เพียงอย่างเดียว หรือช่วยกันรณรงค์ให้ ส.ว. งดออกเสียง และจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชน
นายจตุพร กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญในประเทศนั้นเปลี่ยนยาก ส่วนเรื่องการแก้มาตรา 272 ยังเป็นเรื่องที่ยาก และไม่มีวันสำเร็จ เพราะอีกฝ่ายออกแบบไม่ให้ตนเองต้องสูญเสียอำนาจ ถ้านักการเมืองไม่เปลี่ยน ประเทศนี้ไม่มีวันเปลี่ยน ถึงแม้จะแพ้ไปแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาชนะได้
“ประชาชนต้องสามัคคีกัน ความหวังทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน ประชาชนพร้อมจะเปลี่ยนแปลง ก็สามารถเปลี่ยนได้ ” นายจตุพรกล่าว
ด้านนายณัฐพงค์ ระบุว่า เราต้องไม่หมดหวัง การคานอำนาจต่อต้านการรัฐประหาร ต่อต้านการปฏิวัติ จะต้องทำให้ข้าราชการการเมืองออกมาช่วยกัน โดยทำให้ข้าราชการการเมืองแข็งแรง ให้อำนาจข้าราชการท้องถิ่น ให้มีงบประมาณของตนเอง ขึ้นอยู่กับท้องถิ่น ไม่ได้เป็นการแบ่งแยกรัฐ ซึ่งจะต้องยกเลิกข้าราชการรวมศูนย์ ถ้าข้าราชการไม่ยอมรับเพราะตนเองมาจากอำนาจของประชาชนนั้น ก็จะช่วยหยุดการทำรัฐประหารได้