ตำรวจนำตัวคนร้ายบุกเดี่ยวจี้ชิงทองห้างดังโคราชทำแผนรับสารภาพ(มีคลิป)

ตำรวจนำตัวคนร้ายบุกเดี่ยวจี้ชิงทองห้างดังโคราชทำแผนรับสารภาพ(มีคลิป)





ad1

นครราชสีมา - รอง ผบ.ตร.เผยจับกุมคนร้ายอดีตทหารเก่าชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าโลตัส โคราช ยึดทองคืนได้ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ต้องหาอ้างตกงาน ไม่มีเงินใช้ จึงก่อเหตุปล้นร้านทองครั้งนี้

 จากกรณีเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 เวลาประมาณ 13.20 น. ได้มีคนร้ายเป็น ชาย 1 คน ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส นครราชสีมา ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 3 บาท จำนวน 51 เส้น น้ำหนักรวม 153 บาท มูลค่ากว่า 4.5 ล้านบาท หลังเกิดเหตุคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ก่อนที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 จะสามารถติดตามจับกุมตัว นายกิตติพงศ์ แพไธสง หรือ เบส อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองได้ในที่สุด

ล่าสุดวันนี้ (15 เมษายน 2565) เวลา 17.00 น. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.ภาณุ บุรณศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และพล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายกิตติพงศ์ แพไธสง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 486 หมู่ 4 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่โรงแรม Tevan Jomtien Hotel ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า ชิงทรัพย์โดยมอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธ และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ซึ่งนายกิตติพงศ์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และอ้างว่าเหตุผลที่ก่อเหตุเพราะตกงาน และไม่มีเงินใช้

โดยในการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องหา ขณะนี้ตำรวจสามารถตรวจยึดทองคำส่วนใหญ่กลับคืนมาได้แล้ว ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำ จำนวน 28 เส้น น้ำหนักรวม 84 บาท ที่ผู้ต้องหานำไปฝังดินไว้หลังบ้านพักของภรรยาที่จังหวัดนครราชสีมา เงินสดจำนวน 110,000 บาท ที่ยึดได้จากตัวผู้ต้องหาขณะจับกุม รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีขาวดำส้ม หมายเลขทะเบียน เมจ 504 นครราชสีมา ที่ผู้ต้องหาใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ อาวุธปืนปลอมที่ใช้ในการก่อเหตุ เสื้อผ้า หมวกคลุมหัวสีดำ กระเป๋าสะพาย 2 ใบที่ใช้ในวันก่อเหตุ โดยในส่วนสร้อยคอทองคำของกลางที่ยังขาดหายไป ผู้ต้องหาอ้างว่า ได้นำไปขายตามที่ต่างๆ ระหว่างหลบหนี ขณะที่บางส่วนนำไปฝากกับคนรู้จัก และบางส่วนตกหล่นหายไประหว่างทางที่หลบหนี ซึ่งตำรวจจะได้สืบสวนสอบสวนติดตามของกลางมาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป

ทั้งนี้หลังจากการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายกิตติพงศ์ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุ ท่ามกลางประชาชนที่ไปยืนดูการทำแผนเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากทำแผนตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.