"เทพไท" ห่วงโควิด สายพันธุ์ใหม่ XEจี้รัฐอย่าลดการรักษาลง
"เทพไท" ห่วงโควิด สายพันธุ์ใหม่ XE วอนรัฐบาล อย่าลดการรักษาพยาบาลลง
วันที่ 3 เม.ย.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า " ถ้าหากได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 อย่างใกล้ชิด ก็พบว่าโควิด-19 มีการพัฒนากลายพันธุ์ มีสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา จนล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เป็นลูกผสมของโอไมครอน เป็น XE มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้แล้ว 1 คน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดวิด-19 ของประเทศ ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน ข้อมูลล่าสุดของวันนี้ (3 เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อใหม่ 26,840 คน มีผู้ติดเชื้อจากการตรวจ ATK จำนวน 20,495 คน รวมทั้งสิ้น 47,335 คน นับว่าเป็นยอดที่สูงมาก และมียอดผู้เสียชีวิต 97 ยังมีผู้อาการเชื้อลงปอด 1,838 คน ใช้เครื่องช่วยหายใจ 752 คน ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อยอดผู้เสียชีวิตที่สูงขึ้นในแต่ละวัน นับว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก
อยากให้รัฐบาลได้รณรงค์และเข้มงวด ต่อมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาพยาบาลที่มีการลดระดับลง ไม่มีการเข้มงวดเหมือนตอนที่โควิด-19 ระบาดใหม่ๆ จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งที่ตรวจหาเชื้อด้วยระบบ ATK เมื่อพบว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้ว จะหาซื้อยารักษาที่บ้านเอง ไม่แจ้งข้อมูลต่อหน่วยงานทางราชการ ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในความเป็นจริง น่าจะมียอดที่สูงกว่านี้
สำหรับการรักษาพยาบาล ก็มีการร้องทุกข์จากประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 และไม่ได้ประกันสุขภาพไว้กับบริษัทประกันชีวิต จะถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกให้วางเงินจำนวน 200,000 บาท ก่อนที่จะรับตัวรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่ไม่มีเงินเพียงพอในการรักษาพยาบาล จึงอยากให้รัฐบาลได้ทบทวนมาตรการการรักษาพยาบาลใหม่ โดยการเปิดกว้างให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยความสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกระดับผู้ป่วยสีเขียว สีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง ถ้าหากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องการที่จะรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนเลย ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องดูแลการรักษาพยาบาล ตามสิทธิ์พื้นฐานของประชาชน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ"