2 คนขับรถยนต์ชนลูกช้างตาย 1เจ็บ 1 เล่าวินาทีเป็น-ตาย!

2 คนขับรถยนต์ชนลูกช้างตาย 1เจ็บ 1 เล่าวินาทีเป็น-ตาย!





Image
ad1

ปราจีนบุรี- 2 คนขับรถยนต์ชนลูกช้างตาย 1เจ็บ 1 เล่าวินาทีเป็น-ตาย!  ขณะป่าไม้-ชาวบ้านร่วมต้อนจ่าฝูงโขลงช้างป่าเขาอ่างฤาไนพร้อมสมุนมือขวากลับคืนถิ่นแปดริ้วแล้วหัวค่ำนี้   หลังจากแอบมาอยู่บนเขาบ้านหว้าเอน จนโขลงยกขบวนมาตามกว่า 30 ตัว เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนลูกช้างทีซุกซนออกนอกฝูง ตาย 1 เจ็บ 1

จากกรณี  โขลงช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน  ในพื้นทีป่าราบต่ำผืนสุดท้ายแห่งรอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก  ( จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี ,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง)  พากันยกโขลงกว่า 30 ตัว ข้ามฝั่งถนนสานสระแก้วตัดใหม่ (พนมสารคาม - สระแก้ว) หรือสาย 359  ถนน4ช่องจราจร  ช่วงระหว่างกม.62-63 จาก จ.ฉะเชิงเทรา มาหากินไกลถึง หมู่บ้านหว้าเอน หมู่ 8 ต.หว้าเอน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี   ช่วงหัวค่ำวานนี้(18 ต.ค.) แต่ 2 ลูกช้างป่าอายุประมาณ2ปี ซุกซนตามวัยอาจเดินข้ามถนนไม่ทัน หรือเล่นกันซุกซนเพลิน

เนื่องจากถนน4เลนวิ่ง - เดินข้ามอาจช้ากว่าตัวอื่นๆในโขลง  ได้เกิดอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนตาย 1ตัว เป็นข้างเพศเมีย อีก1ตัวบาดเจ็บวิ่งเตลิดกลับไปรวมกับโขลง  ส่วนรถคันที่ชนช้างได้อาศัยความมืดหลบหนีพร้อมกับเกิดมีอุบัติเหตุซ้ำซ้อน   ขณะที่ 2 รถกระบะ  ได้จอดเพื่อช่วยเหลือลูกช้างป่าที่ถูกชน  ได้มีเก๋งขับตามมาชนท้ายเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน คนขับเป็นหญิงวัย 20 ปีได้รับบาดเจ็บ นำส่งรักษาที่รพ.จุฬารัตน์304   ส่วนโขลงช้างป่า ได้วนเวียนคอยดูซากลูกช้างที่ตาย  ในราวป่า โดนมีป่าไม้ คอยใช้สัญญาณไฟ   และ  จุดประทัดคอยผลักดันตลอดทั้งคืน  ตามที่ได้เสนอก่อนหน้า  นี้นั้น

ล่าสุดนี้  ผู้นำท้องถิ่น แจ้งว่า   พบเจ้าแข็งแกร่ง   ซึ่งเป็นจ่าฝูงของโขลงช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน  ที่คอยดูแลโขลงช้างป่าดังกล่าว   พร้อมกับสมุนคู่ใจได้พาก้นมาหากินบนเขาบ้านหว้าเอน  อ.ศรีมหาโพธิ  จ.ปราจีนบุรี    โดยพบว่า  จ่าฝูงช้างป่า  ได้มาหากินในพื้นที่ตั้งแต่วันที่12 ต.ค.ที่ผ่านมา    กระทั่งเมื่อคืนวาน(18 ต.ค.) ช่วงหัวค่ำ ฝูงช้างป่า30ตัว  ได้ข้ามถนนสาย359  จะตามจ่าฝูงข้ามมา  แต่ได้ถูกรถชน  ทำให้ลูกช้างป่าตาย 1 ตัวเมื่อคืนที่ผ่านมา 

ผู้สื่อข่าวได้เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเจ้าแข็งแกร่งจ่าฝูงช้างป่าเขาอ่างฤาไนนี้    ตั้งแต่เช้าตามคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านและ   ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน     กระทั่งเวลา 14.30น.พบเจ้าแข็งแกร่งเดินอยู่บนสอนเขาหว้าเอน    ให้เห็น 2 รอบ 20 วินาทีและให้สมุนคู่ใจออกมาให้ถ่ายภาพอีก     เจ้าแข็งแกร่งมีรูปร่างลักษณะคชลักษณ์ผิวเผือกทั้งตัว    ตัวสูงใหญ่แข็งแกร่ง    ส่วนสมุนคู่ใจตัวรองลงมาเล็กน้อยและมีสีดำ

 ต่อมา   เจ้าแข็งแกร่งพาสมุนคู่ใจกลับเข้าป่าอีกครั้ง    หลังจากทราบว่ามีคนมามุงดูอยู่ด้านล่าง      นานกว่าครึ่งชั่วโมงจึงพาลูกน้องเดินออกมาจากป่าที่อยู่บนสันเขา 

เวลาต่อมาเจ้าแข็งแกร่งได้เดินลงมาที่เชิงเขาแล้วเข้าเดินมาถอนหัวมันสําปะหลังของชาวบ้านที่ปลูกไว้ที่เชิงเขานานกว่า 10 นาที   แล้วกลับเข้าไปในป่า    จากคำบอกเล่าของชาวบ้านบอกว่าเจ้าแข็งแกร่งตัวจะขาวเหลืองทั้งตัว  และมีปลอกคอฝังชิบให้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของมัน   คล้องอยู่ให้เห็นเด่นชัด 

นายมนตรี ชาญกิจ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหว้าเอน  กล่าวว่า เจ้าแข็งแกร่งเข้ามาหากินในหมู่บ้านตั้งแต่วันที่ 12ต.ค.   ที่ผ่านมา    ซึ่งทุกคนจะรู้ดีว่าเจ้าแข็งแกร่งมาหากินที่นี่จะไม่ไปไหน   และไม่เข้าใกล้คนและมักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าอย่าเงียบๆ     ตนได้ประชาสัมพันธ์ให้ลูกบ้านได้ระวังช้างป่าที่เข้ามาหากินอยู่ในหมู่บ้านและเฝ้าระวังอยู่ตลอด

เวลาผลักดันกลับถิ่นฐานก็จะวนกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาชุดผลักดันช้างป่าเขาอ่างฤาไน    ได้นำกำลังมาผลักดันช้างป่ากลับไปยังถิ่นเดิม ที่ จ.ฉะเชิงเทรา หรือแปดริ้ว ป่าเขาอ่างฤาไน  ในพื้นทีป่าราบต่ำผืนสุดท้ายแห่งรอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก  ( จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี ,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง)   

ชาวบ้านบางคนที่มามุงดูชุดผลักดันช้างป่าต่างบอกว่ารู้สึกสงสารเจ้าแข็งแกร่ง   เพราะตัวใหญ่อาจอุ๊ยอ้าย  จะวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่าไม่ไหว  แต่ก็ต้องทำใจให้เจ้าหน้าที่ผลักดันช้างป่ากลับถิ่นฐานเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป   ช่วงเย็นวันนี้    ได้มีนายสมศักดิ์  หนูช้างเผือก อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 14 ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว เจ้าของรถยนต์ ฟอร์ด เอสเคป สีดำ หมายเลขทะเบียน 4 กฉ. 6168 กรุงเทพ    เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.กิตติพงษ์  สีห์บุตร พนักงานสอบสวน สภ.ระเบาะไผ่ อ.ศรีมหาโพธิ   เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ   กรณีขับรถชนลูกช้างตาย บนถนนสาย 359 (พนมสารคาม – สระแก้ว  )ระหว่างช่วง กม.62  63  หมู่บ้านหว้าเอน หมู่ 8 ต.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี  เมื่อช่วงค่ำวานนี้(18ต.ค.)

  นายสมศักดิ์  เล่าเหตุการณ์ที่เป็นความเป็นความตายว่า     ขณะที่ตนกำลังขับรถเพื่อจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่ บ้านศาลาลำดวน จ.สระแก้ว   มาถึงที่เกิดเหตุ ช้างน่าจะเดิน 40 ตัว   พากันวิ่งข้ามถนน   ลักษณะตกใจ    ซึ่งเป็นจังหวะที่ตนมาถึงชนแล้ว  รถหยุด แม่ช้างหันกลับมาดูลูกอย่างเป็นห่วง    ก่อนที่จะตรงรี่เข้ามาเหยียบรถ แต่โชคดีที่เครื่องยนต์รถไม่ดับ  

ตนจึงพยายามลัดเลาะออกมาจนพ้น   แล้วรีบเร่งเครื่องหนีขับไปจอดที่หน้าปั๊มน้ำมันซึ่งห่างจากจุดกังกล่าวราว 3 กิโลเมตร    ตนคิดว่าถ้าอยู่ในที่เกิดเหตุหรือรถเสีย   ก็ไม่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ?  

 มีสำนักข่าวบางแห่งบอกว่ามีช้างแค่ตัวเดียวนั้น ไม่ถูกต้อง    เพราะตนเห็นช้างยืนเรียงรายกันทั้งโขลงน่ากลังมาก   เหมือนกำแพงดูมืดไปหมด    ส่วนช้างที่ชนจะเป็นลูกช้างหรือแม่ช้างช่วงนั้นตนไม่ทันได้ดู   มารู้ก็ตอนมีข่าวว่าลูกช้างวัย 2 ปีเพศเมียตายหนึ่งตัว 

ขณะเดียวกัน นางสาวอาริยะ  ตุ้มทอง อายุ 40 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 5 ต.เขาหล่อ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำพู    คนขับรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีบรอน ทะเบียน  4 กฉ. 6168 กรุงเทพ    ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยนำตัวส่ง รพ.จุฬารัตน์307    หลังเกิดเหตุ 

วันนี้ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยเช่นกัน เล่าว่า     ขณะที่ตนขับรถมาถึงที่เกิดเหตุเห็นช้างตัวเล็กเดินอยู่ฝั่งขวา   จึงหักหลบมองเห็นช้างอีกตัวนอนอยู่บนถนนซึ่งขณะที่ตนหักหลบตัวที่เดินถนน   ได้มาชนตัวที่นอน   เพราะไม่สามารถหลบได้อีกแล้ว    เนื่องจากได้หลบจากตัวแรกเลยชนเข้าเต็มๆ  รู้สึกตกใจที่ตนเองไม่สามารถหลบได้ 

ซึ่งช่วงเกิดเหตุมีตนขับรถมาคันเดียวและฝั่งถนนมืดไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างรายทาง  ส่วนช้างตัวเล็กอีกตัวไม่รู้ว่าหายไปทางไหน   โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากแค่เจ็บหน้าอก มีคนที่เห็นบอกว่า รถเหิรลอยขึ้นไปในอากาศ   แล้วหมุนคว้างสี่รอบ