กฤษฎีกาเคาะทางออก "ทรู-ดีเทค" ยึดประกาศปี 61

กฤษฎีกาเคาะทางออก "ทรู-ดีเทค" ยึดประกาศปี 61

กฤษฎีกาเคาะทางออก "ทรู-ดีเทค" ยึดประกาศปี 61





ad1

20 ก.ย. 2565 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ตามที่ กสทช.ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความอนุเคราะห์ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นในประเด็นข้อกฎหมาย เพื่อตีความอำนาจพิจารณาการรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคนั้น  ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ย.65) สำนักงาน กสทช. ได้รับหนังสือตอบจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นที่เรียบร้อย และได้ส่งต่อประธาน กสทช. เพื่อที่จะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในลำดับต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาออกความเห็นเกี่ยวกับอำนาจของ กสทช. เพื่อใช้เป็นข้อการพิจารณากรณีรวมกิจการทรูดีแทคนั้น ล่าสุด ปรากฏว่ากฤษฎีกาฯ ส่งหนังสือตอบกลับไปยังกสทช.เป็นที่เรียบร้อย โดยมีความเห็นสรุปเป็นสาระสำคัญได้ว่าการรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างทรูและดีแทคต้องยึดตามประกาศ กสทช.ปี 2561 เนื่องจากกฎหมายรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ตามประกาศ กสทช.ปี 2553 ที่กำหนดให้การรวมธุรกิจต้องได้รับอนุญาตจาก กสทช.ก่อนนั้นได้ถูกยกเลิกแล้ว โดยมีประกาศ กสทช.ปี 2561 ขึ้นมาแทน ซึ่งกำหนดให้การรวมธุรกิจกระทำได้โดยจัดทำรายงานส่งให้ กสทช.บต่อไป  

ในการนี้ กสทช. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาดมาบังคับใช้ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้ตามข้อ 12 ของประกาศปี 2561 นอกจากนี้ยังให้ความเห็นว่า กสทช. ต้องใช้อำนาจโดยคำนึงถึงความได้สัดส่วนระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคกับการพัฒนากิจการโทรคมนาคมด้วย

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ข้อคิดเห็นทางกฎหมายจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ถือเป็นประตูทางออกสำหรับ กสทช. ในการพิจารณาการรวมกิจการทรู-ดีแทค ซึ่งคาดว่า กสทช. จะมีการเรียกประชุมวาระพิเศษเพื่อพิจารณากำหนดเงื่อนไขโดยเร็ว เพื่อลดกระทบต่อผู้บริโภคตามที่ที่หลายฝ่ายวิตกกังวล เนื่องจากกรณีนี้ล่าช้าและยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน