จับน้ำมันเถื่อนกลางทะเล 4 แสนลิตร 

จับน้ำมันเถื่อนกลางทะเล 4 แสนลิตร 

จับน้ำมันเถื่อนกลางทะเล 4 แสนลิตร 





ad1

 19 ต.ค. 2564     เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ใน ฐานะ ผอ.ศปนม.ตร.  พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รองผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ ผบก.รน. พ.ต.อ.วัลลพ พวงผกา พ.ต.อ.ธนากร เลิศพรเจริญ พ.ต.อ.วีระศักดิ์ แย้มแสง รองผบก.รน. พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.5 บก.รน. จับกุม นายสุวรรณ อินทองปาน อายุ 56 ปี นายมนตรี สุขจิตร อายุ 41 ปี นายสุริยันต์ เมฆแสน อายุ 34 ปี นายสุริยันต์ เมฆแสน อายุ 34 ปี พร้อมของกลางเรือเทคซ่าหรือ เรือเหนือสมุทร 9 ซึ่งเป็นเรือบริการรับของเสีย,น้ำมัน 4 แสนลิตร โดยจับกุมได้บริเวณใกล้เกาะสีชัง ละติจูด 13 องศา 8.850 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 100 องศา 50.258 ลิปดาตะวันออก ห่างจากชายฝั่ง1.6 ไมล์ทะเล


พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า  สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลให้ทำการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการ ลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาจำหน่ายภายในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย จึงสั่งการให้ตำรวจน้ำและศปนม.ตร.สืบสวนจับกุมกลุ่ม ขบวนการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงโดยผิดกฎหมาย กระทั่งวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีการลักลอบขนน้ำมัน เชื้อเพลิงดีเซลผิดกฎหมายเข้ามาเพื่อจำหน่ายในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน จึงนำเรือตรวจการณ์ 631 พร้อมกำลังพลออกลาดตระเวนในพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้ง กระทั่งพบเรือดังกล่าวในลักษณะต้องสงสับ จึงให้เรือลำดังกล่าวหยุดลอยลำและขึ้นทำการตรวจสอบ ก็พบผู้ดูแลเรือและลูกเรือรวม 4 คน อีกทั้งพบน้ำมันดีเซล4 แสนลิตร โดยระหว่างตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอดูเอกสารเกี่ยวกับการได้มาของของเหลวที่บรรทุกในระวาง แต่นายสุวรรณ อินทองปาน ไม่สามารถนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแสดงได้จึงทำการจับกุม ก่อนนำเรือมาตรวจสอบ
บริเวณปากคลองสรรพสามิต ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตและเจ้าหน้าที่ ศุลกากรเพื่อร่วมทำการตรวจสอบสารมาร์คเกอร์ โดยน้ำมันเหล่านี้ได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิตแล้ว แต่นำกลับเข้ามาในราชอาณาจักรโดย ไม่ผ่านพิธีทางศุลกากรถือว่าเป็นการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาในราชอาณาจักรโดย ผิดกฎหมาย ซึ่งการจับกุมครั้งนี้เชื่อว่า มีความเชื่อมโยงกับการจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากแผนประทุษกรรมของคนร้ายมีความใกล้เคียงกัน 

สอดรับกับทางพล.ต.ท.จิรภพ ที่กล่าวว่า โครงข่ายของขบวนการนี้แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงกัน ซึ่งเริ่มจากผู้นำน้ำมันส่งออกที่ได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิต นำน้ำมันส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นจะมีอีกกลุ่มคอยทำหน้าที่นำเรือทอยส์ ไปรับน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นจะนำเรือกลับเข้ามาในไทยโดย ไม่ผ่านพิธีทางศุลกากรสร้างความเสียหายในทางเศรษฐกิจ โดยน้ำมันที่ตรวจยึดมาได้นั้นเมื่อนำไปตรวจสอบหาสารมาร์คเกอร์พบว่ามีค่าสาร มาร์คเกอร์ 27 หน่วย ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายส่งออกต่างประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากขบวนการนี้ไม่ถูกจับน้ำมันดีเชลที่ตรวจยึดได้จะ ถูกแปรสภาพเป็นน้ำมันบริสุทธิ นำไปใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆทั้งน้ำมันรถบรรทุก ปั๊มน้ำมันต่างๆ หรือในกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้น้ำมันดีเซล ทั้งนี้จะทำการขยายผลหาความเชื่อมโยงของขบวนการดังกล่าว ซึ่งทางพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ใน ฐานะ ผอ.ศปนม.ตร. ได้เร่งรัดสั่งการให้ดำเนินการสืบสวนติดตามจนถึงต้นทางของขบวนการ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานําเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการ ศุลกากรฯ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน สิบปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ริบของนั้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคําพิพากษาหรือไม่  ตามพ.ร.บ.ศุลกากร  พ.ศ. 2560 มาตรา 242  และมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่เสียภาษี เพื่อจำหน่าย หรือ จำหน่ายโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับตั้งห้าเท่าถึงสิบห้าเท่าของค่าภาษีที่ต้องเสีย หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560  นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ