พ่อพยาบาลเชื่อลูกดลบันดาลปลดล็อคมือถือตีแผ่พฤติกรรมผัวทหารโหด

พ่อพยาบาลเชื่อลูกดลบันดาลปลดล็อคมือถือตีแผ่พฤติกรรมผัวทหารโหด





ad1

ขอนแก่น-พ่อพยาบาลที่ถูกทหารยิงเสียชีวิต เผยคลิปเสียง หลังอธิษฐานขอให้ลูกปลดล็อคโทรศัพท์ ซึ่งทุกๆคนในครอบครัวพยายามปลดล็อคทั้งนำเข้าร้านแต่ก็ไม่ได้ เชื่อลูกสาวอยากให้สังคมได้รู้พฤติกรรมของอดีตสามีที่มีนิสัยชอบข่มขู่และกล่าวหาว่ามีคนอื่น และคำพูดจากฝ่ายชายบอกจะตายเป็นผีคอยเฝ้าดูลูก

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที 10 มิ.ย.2565 ที่วัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง สถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล นางนภาพร นาคเกี้ยว อายุ 34 ปี หรือน้องมด พยาบาลประจำรพ.ศูนย์ขอนแก่น ซึ่งถูกสามีคือ จ.ส.อ.อัคพล โพนพันธ์ อายุ 35 ปี หรือ นายแฟ้ม ทหารสังกัดกรมทหารม้าที่6 จ.ขอนแก่น ยิงเสียชีวิตภายใน รพ.ขอนแก่น ยังคงมีคนในครอบครัวและเพื่อพยาบาลทยอยมาเคารพศพและเตรียมกาาสวดพระอภิธรรมตามกำหนดการที่ครอบครัวกำหนด

โดยนายประสุทธิ์ แซ่ดาวส่วน อายุ 63 ปี พ่อของน้องมด ได้นำคลิปเสียงสนทนาในลักษณะที่นายแฟ้มขับรถมาที่บ้านฝ่ายหญิงเพื่อจะให้กลับไปอยู่ด้วย แต่ฝ่ายหญิงไม่กล้าไปและอยู่กับลูกๆภายในบ้าน ก่อนที่นายแฟ้มจะพยายามพูดให้ฝ่ายหญิงกลับไปด้วย จนฝ่ายหญิงร้องไห้ออกมาและขอร้องให้ฝ่ายชายกลับไป และยังกล่าวหาฝ่ายหญิงว่ามีคนอื่นทำให้เปลี่ยนไป แต่ในความเป็นจริงเรื่องนี้ฝ่ายหญิงได้คุยกับพ่อว่าไม่เคยมีเรื่องชู้สาว แต่นายแฟ้มเคยนอกใจจนถูกจับได้ทำให้นายแฟ้มกลัวว่าฝ่ายหญิงจะเป็นเหมือนตัวเองจึงพูดในลักษณะดังกล่าวขึ้นมาอยู่ตลอด พร้อมทั้งข่มขู่จนฝ่ายหญิงและลูกกลัว ร้องไห้อยู่ตลอด นอกจากนี้ยังมีบางคำที่ฝ่ายชายพูดในลักษณะข่มขู่และบอกว่าจะตายเป็นผีเฝ้าลูกให้ดู และคลิปเสียงดังกล่าวได้บันทึกไว้เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ก่อนเกิดเหตุการณ์สลดขึ้นกลางดึกวันที่ 9 มิ.ย.

นายประสุทธิ์ กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุ และได้รับโทรศัพท์ของลูกสาวคืนมา ก็พยายามปลดล็อกโทรศัพท์ ซึ่งเป็นแบบใช้นิ้วลากจุด ซึ่ง ก็ไม่มีใครเปิดได้ ให้ลูกหลานมาช่วยเปิดหรือเอาเข้าร้านโทรศัพท์ใหญ่ๆ ก็ไม่สามารถเปิดได้ กระทั่งเข้านอนสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตี 4 นึกถึงโทรศัพท์ลูกก็อธิษฐานจิตส่งถึงลูก ว่ามันมีข้อมูลหลายอย่างในโทรศัพท์ลูกเยอะแยะ แต่พ่อไม่รู้ ถ้าอยากให้รู้ก็ดลบันดาลให้พ่อสามารถเปิดได้ หลังอธิษฐานเสร็จก็ใช้นิ้วลากปลดล็อคโทรศัพท์อีกครั้ง ปรากฏว่าเปิดได้เชื่อว่าลูกอยากจะให้คนรู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ พอเปิดได้ตนเองก็เข้าไปดูพบว่ามีคลิปเสียงหลายไฟล์ แต่ไลน์ไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากต้องใช้รหัส พอตนเองเปิดโทรศัพท์ลูกได้ก็เข้าไปดูและได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าว จึงอยากจะให้สังคมว่า ชายคนนี้สมควรเป็นพ่อคนไหม สมควรเป็นสามีไหม ทั้งข่มขู่ ให้ลูกมารับฟัง ข่มขู่หลายอย่างเสร็จก็ถามลูกให้ลูกตอบ ลูกก็ไม่รู้จะตอบยังไงเด็กอายุแค่ 5 ขวบ การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง พอเกิดขึ้นแล้วความสูญเสียมันเยอะในทุกๆด้าน จึงนำคลิปนี้มาเปิดเผยเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม"

นายประสุทธิ์ กล่าวต่อีกว่า ในส่วนของคดีนั้นได้สอบถามตำรวจไปแล้ว ตำรวจบอกว่าในส่วนของคดีนั้นไม่สามารถดำเนินคดีกับใครได้เนื่องจากคนก่อเหตุได้เสียชีวิตแล้ว ในส่วนนี้ตนเองก็ไม่ได้ติดใจ ทางตำรวจก็ได้แนะนำในเรื่องของสิทธิ์จากสังกัดที่ทำงานของทั้งคู่ที่จะมีในการช่วยเหลือเยียวยา ในส่วนนี้สิทธิต่างๆตนเองยกให้หลานทั้ง 2 คนทั้งหมด และพูดคุยกันทั้งครอบครัวแล้วห้ามทุกคนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสิทธิต่างๆจะต้องให้หลาน 2 คนคือลูกของผู้ตายเท่านั้น โดยมีอดีตภรรยาของตนเองซึ่งเป็นแม่ของผู้ตายเป็นผู้จัดการมรดก

" นอกจากนี้ทางเพื่อนๆที่ทำงานของลูกสาวก็อยากจะให้เปิดบัญชีของหลานทั้งสองคนเป็นบัญชีส่วนตัวเพื่อเป็นทุนการศึกษาในอนาคตด้วย เพราะมีคนอยากจะช่วยเด็กทั้ง 2 คนสอบถามเข้ามาเยอะมาก จึงได้พูดคุยร่วมกันรวมทั้งคนอื่นๆในครอบครัวด้วย ก็เห็นดีด้วยจึงเปิดบัญชีขึ้นมาให้หลานคนละบัญชี เพื่อให้คนที่อยากช่วยเหลือได้สนับสนุนเงินเข้าบัญชีลูกของผู้ตายโดยตรงและคนอื่นไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ และหากสิทธิต่างๆของกรมทหารหากมีช่วยเหลือเด็กๆทั้ง 2 คน ในด้านการเรียน การอยู่อาศัย หรือช่วยบรรเทาก็ขอให้เข้ามาช่วยเหลือ เพราะตอนนี้หลานทั้ง 2 คนกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่แล้ว และไม่รู้ว่าตนเองจะตายวันไหน อายุก็มาก มีโรคประจำตัวจนต้องมาอาศัยอยู่กับลูก ให้ลูกดูแลจนกระทั่งลูกมาจากไป"

นายประสุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  รักลูกสาวมาก พร้อมจะปกป้องพร้อมจะยอมตายแทนลูกได้ด้วยหัวอกของคนเป็นพ่อ ต่อไปหลานทั้ง 2 คนที่กลายเป็นเด็กกำพร้าได้มีอนาคตที่ดี เบื้องต้นทางกรมทหารม้าที่ 6 เดินทางมาร่วมงานศพและมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 10,000 บาท ก็ขอบคุณมาก ทางทหารถามว่ารักเกียจกองทัพไหม ตนเองพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเกลียดกองทัพเลย แต่อยากให้กองทัพช่วยเหลือเด็กกำพร้า 2 คนนี้ที่แม่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากกว่าพร้อมกันนี้นอกจากเรื่องที่เคยฝากสื่อมวลชนไปเป็นเรื่องของคณะกรรมการหรือทีมดูแลบุคลากรในองค์กรตัวเองเพื่อรับฟังรับทราบปัญหาครอบครัวของบุคลากรได้เกิดการป้องปรามและป้องกันเหตุอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เป็นเหมือนลูกสาวตนเอง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตนเองไม่คิดที่จะขอให้เป็นเคสสุดท้าย เพราะสุดท้ายมันไม่เคยมีอยู่จริง หากได้เริ่มสักนิดก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว

"ส่วนของลูกผู้ตายทั้ง 2 คน ลูกสาวอายุ 9 ขวบ ลูกชายอายุ 5 ขวบ หลังจากนี้ตนเองก็จะเป็นคนดูแลเพราะคอยดูแลรับส่งมาตลอดอยู่แล้ว ซึ่งหลักจากที่ทราบว่าแม่เสียชีวิตก็นิ่งเงียบ ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม ร้องหาแม่ โหยหาแม่ ไม่รู้ว่าในความคิดของหลานจะคิดแบบไหน รู้แค่ว่าพาแม่ไปรักษาแต่เค้าจะรู้สึกแบบไหนคนอื่นก็ไม่รู้ ห่วงจิตใจของหลานทั้งสอง ซึ่งในส่วนนี้ทางโรงพยาบาลจะส่งนักจิตวิทยามาประเมินสุขภาพจิตของหลานทั้ง 2 อยู่ เพื่อประเมินสภาพจิตใจจะได้ช่วยกันฟื้นฟูให้กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมต่อไปและในส่วนของพ่อแม่ฝ่ายชายนั้น ตนเองไม่โกรธ ไม่เกลียด หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้ติดต่อมาหรือโทรมาขอโทษ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาถ้าไม่เกิดเรื่องเมื่อวันที่ 25 ก.พ.2565 ที่บุกมาบ้านมายิงปืนจนตนเองแจ้งความเรื่องถึงศาลทหารก็ไม่เคยคุยกันเลยในรอบ 10 ปี แต่ตอนนี้ไม่มาไม่พูดก็ไม่เป็นไรเพราะก็สูญเสียเช่นกัน เรื่องรับผิดชอบตนเองไม่ขอเรียกร้องใดๆทั้งสิ้น อโหสิกรรมให้กันเลิกแล้วต่อกันก็พอแล้ว"

สำหรับเลขบัญชีของเด็กๆทั้ง 2 คน เป็นบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี ด.ญ.พิมพ์ภาพร โพนพันธ์ หมายเลขบัญชี 020391781133 และบัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางเพียนทอง นาคเกี้ยว ด.ช.เศรษฐพิชญ์ โพนพันธ์ ซึ่งให้แม่ของผู้ตายเปิดชื่อร่วมกับหลานเนื่องจากยังเด็กมีอายุ 5 ขวบต้องเปิดร่วมกับผู้ปกครอง หมายเลขบัญชี 020391786181