"บิ๊กตู่" แจงสภา ไม่ใข้อำนาจแทรกแซงสอบกลุ่มจีนเทา-ไม่เห็นด้วยปมแก้ไข ม.112-ลั่นรบ.ยุคของตนไม่มีทุจริต ส่วนยุคก่อนรมต.ติดคุกหนีไปต่างประเทศ

อภิปรายทั่วไปตาม ม.152

"บิ๊กตู่" แจงสภา ไม่ใข้อำนาจแทรกแซงสอบกลุ่มจีนเทา-ไม่เห็นด้วยปมแก้ไข ม.112-ลั่นรบ.ยุคของตนไม่มีทุจริต ส่วนยุคก่อนรมต.ติดคุกหนีไปต่างประเทศ





ad1

16 ก.พ. 2566  ที่รัฐสภาฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 โดยย้ำถึงการตรวจสอบและดำเนินคดีเกี่ยวกับกลุ่มทุนจีนสีเทาตามกฎหมาย ยืนยัน ไม่ใช้อำนาจแทรกแซงการตรวจสอบและสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้กรณีการซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ นั้น รัฐบาลนี้ไม่มีขายบ้านแล้วแถมสัญชาติ นอกจากนั้นทราบว่าภรรยาของนายตู้ห่าวนั้นเกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรีของบางพรรคการเมือง

ส่วนที่มีชื่อของ ส.ว.บางคนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวน สอบสวนตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็นขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม กระบวนการทางศาล ซึ่งตนไม่ก้าวก่าย หรือช่วยเหลือใคร 

ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับ ผับจินหลิง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอย่างตรงไปตรงมา หากพบเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำผิดต้องถูกดำเนินคดี รวมถึงคนไทยที่เรียกรับผลประโยชน์ ยืนยันว่าตนเองไม่เกี่ยวข้อง เพราะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงข้อกล่าวหาต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น ด้วยว่า เรื่องคอร์รัปชั่นหลายคนกล้าพูดออกมา ทั้งที่อดีตรัฐมนตรี มีปัญหาติดคุก หนีไปต่างประเทศก็มี แต่นับตั้งแต่รัฐบาลของตน ปี 2557 ไม่มีรัฐมนตรีคนใดติดคุกสักราย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงประเด็นที่พรรคก้าวไกลเสนอให้แก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า เรื่องนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของสภาฯ หากถามตน ตนไม่เห็นด้วย เพราะมีเรื่องอภัยโทษ และรู้สึกว่าท่านมีปัญหากับกฎหมายทุกฉบับ  หากยกเลิกแล้วจะปล่อยให้คนอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง สิ่งที่เด็กอายุ 14 ปีออกมา ตนขอถามว่าออกมาได้อย่างไร เขาควรเรียนหนังสือ รักครอบครัว ออกมาด้วยอะไรไม่รู้ หรือมีคนแอบอยู่ข้าง

“ผมขอบคุณทุกคนที่ทำให้บ้านเมืองไม่แตกแยก หากเราแตกแยกวันหน้าไปไหนไม่ได้ เราพยายามทำให้เมืองไทยก้าวไปสู่อนาคต ผมไปต่างประเทศ ผู้นำประเทศอื่นไม่รังเกียจผม ชื่นชมการแก้ไขปัญหา เช่น โควิด-19 ตอนนี้ท่านแยกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายไปหมดแบบนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง คือ สิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ โดยไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น เด็กของเราถูกบิดเบือน วันหน้าท่านต้องรับผิดชอบ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ภายหลังนายกรัฐมนตรีขึ้นชี้แจง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้น ระบุ ขอให้นายกฯ อยู่ฟังคำถามสั้นๆ เรื่อง ส.ว. อักษร อ. เพื่อความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร และการที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปเกี่ยวข้องกับการใช้ที่ดินของ ส.ว.คนดังกล่าว ซึ่งอาจมาจากการค้ายาเสพติดจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนกรณีของ ตู้ห่าว ว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลนั้นบุคคลนี้ขอให้นายกรัฐมนตรี จัดการ และขอให้จัดการกับ ร.อ. ธรรมนัส พรมเผ่า และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วย เพราะเกี่ยวข้องเช่นกัน

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีของ หยู ซินฉี ที่มีการแอบอ้างสถาบัน และแอบอ้างนายกรัฐมนตรี อยากขอความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ซึ่งเมื่อตั้งคำถามเสร็จ นายรังสิมันต์ ได้กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เดินหนีไปแล้ว

จากนั้นนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่า มีการอภิปรายพาดพิงถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนในฐานะสมาชิกของพรรค มองว่าเป็นการกล่าวหาทำให้ประชาชนเข้าใจผิด สับสน และตนได้รับความเสียหาย ซึ่งการเช่าตึกเป็นที่ทำการพรรค ได้ทำอย่างถูกต้องตามกฏหมาย และอดีตส.ว. ที่กล่าวหา ไม่ได้มีหุ้นอยู่ด้วย และได้มีการดำเนินมาตั้งแต่ปี 2562 และไม่สามารถรู้ว่าใครไปเกี่ยวข้องบ้าง แต่ย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย  ขณะเดียวกันตนขอกล่าวหาทางพรรคก้าวไกลบ้าง ในเรื่องของตึกไทยซัมมิท ว่าเจ้าของไปเกี่ยวข้องกับคดีรุกป่า หรือให้สินบนใต้โต๊ะ ตนก็เชื่อว่าพวกท่านไม่เกี่ยวข้อง คงเป็นตรรกะเดียวกัน ดังนั้นขออย่ามาพูดจาแบบนี้เพราะไม่เป็นธรรม ขอให้นำข้อเท็จจริงมาพูด ซึ่งตนได้มีการพูดกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อคืนที่ผ่านมา (15 ก.พ.) และระบุว่าพร้อมที่จะชี้แจงบนเอกสารหลักฐานต่างๆ และนายกรัฐมนตรี ยังได้มีการชี้แจงไปแล้วด้วย การอภิปรายแบบนี้ ตนคิดว่าไม่เป็นธรรม และย้ำว่าหัวหน้าพรรคขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต