แม่ทัพสั่งพักราชการ-จ่อไล่ออกทหารบุกยิงสาวตากใบดับหน้าบ้านพัก

แม่ทัพสั่งพักราชการ-จ่อไล่ออกทหารบุกยิงสาวตากใบดับหน้าบ้านพัก





ad1

นราธิวาส-คนร้ายแต่งชุดคล้ายทหารยิงสาวมุสลิมเสียชีวิตพบว่าเป็นทหารยศสิบเอก สังกัด  ร. 151พัน3 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง นราธิวาส แม่ทัพสั่งพักราชการทันที

เมื่อวันที่  2 ธ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคนร้ายแต่งชุดคล้ายทหารพรานก่อเหตุยิง น.ส.นูรีดา ยาโก๊ะ วัย 44 ปี บริเวณหน้าบ้านเลขที่129/3 ม.6 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ภายหลังก่อเหตุคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ ได้สกัดไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุไว้ได้ทัน หลังจากที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีระบุรูปพรรณและหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ ทราบชื่อคนร้าย คือ ส. อ.สหซาติ หอเป็น สังกัด ร.151 พัน.3 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

ล่าสุด พล.ต. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กองทัพภาคที่ 4 ได้ออกมายืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีมีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง น.ส.นูรีตา ยาโก๊ะ อายุ 44 ปี เสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 129/3 ม. 6 ต.จ้ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยเหตุการณ์ตังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้พร้อมอาวุธปืนพกส่วนตัว ต่อมา หราบว่าผู้ก่อเหตุคือ ส. อ.สหซาติ หอเป็น 151 พัน.สั่งกัด ร.151พัน 3 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งกำลังพลตังกล่าวเป็นผู้ปฏิบัติงานในที่ตั้งปกติ ไม่ใด้บรรจุราซการสนาม 

จากการตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุ ส.อ.สหชาติฯ อยู่ในระหว่างถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง เนื่องจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยก่อนหน้านี้ เคยกระทำความผิดในลักษณะเตียวกันมาแล้ว และถูกลงทัณฑ์ทางวินัยมาแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งเป็นพฤดิกรรมที่ฝ่าฝืนนโยบาย และระเบียบของกองทัพบก ตื้อตึง ขัดขืน และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังตับบัญชา เหนือตน

โดยอยู่ระหว่างดำเงินการขออนุมัติลงทัณฑ์ทางวินัย และเสนอปลดออกจากราชการ ซึ่งในระหว่างนั้น ส.อ.สหขาติ ฯ ได้ขาดหนีราชการออกไปจากหน่วยไม่สามารถติดต่อใด้ จนกระทั่งเมื่อวานที่ 1 ธันวาคม 64 เวลาประมาณ 12.00 น.ได้รับแจ้งประสานจาก สภ.ตากใบ ว่า ส.อ.สหชาติฯ ได้ก่อเหตุยิง น.ส.นูรีตา ยาโก๊ะ เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมตัว ไต้พร้อมอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุบริเวณ ด่านตรวจเข้าไปรษณีย์ตากใบ 

ทั้งนี้หลังทราบเหตุ แม่ทัพภาคที่4/ผอ.รมน.ภาค 4 ไต้สั่งการให้หน่วยต้นสิงกัดสั่งพักราซการ เรียบร้อยแล้ว สำหรับด้านคดีจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย โดยกองทัพยืนยันจะไม่ปกป้องกำลังพลที่กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ส่วนบรรยากาศที่บ้านของผู้เสียชีวิต ได้ประชาชนในพื้นที่ และพื้นที่ข้างเคียงที่ทราบข่าวได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจกับครอบครัวเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวสามีและลูกอีก4คน ที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่าก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้เข้ามาวนเวียนในพื้นที่มาแล้ว3-4 วัน รู้จักคนในพื้นที่ได้ดี แต่ไม่รู้ว่าเข้ามาติดต่อธุระในเรื่องอะไร เบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุสวมเสื้อสีแดงสวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำเงินทับได้เรียกขอเงินใช้เพราะไม่มีเงินติดตัว จากนั้นเดินถามหาคนชื่อยะห์แดงจากผู้ตาย ในระหว่างที่ผู้ตายกำลังยิบโทรศัพท์เพื่อโทรถาม ผู้ก่อเหตุจึงได้ยิบอาวุธปืนจอยิงหน้าผาก 1 นัด ก่อนนั่งรถจักรยานยนต์หลบหนี พลเมืองดีจึงได้ช่วนกันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุรูปพรรณคนร้ายและเลขทะเบียนรถ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสกัดจับกุมได้พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ