'ผู้กำกับ' ไปเอง! ยกมือไหว้ขอโทษแม่ ลูกน้องจับผิด "การบูร" คิดว่าเป็นยาเค แม่ยัน เอาเรื่องถึงที่สุด โดนตำรวจเตะเสยหน้า ลั่น ลูกตนก็มีศักดิ์ศรี

ผกก. ขอโทษลูกน้องจับผิด

'ผู้กำกับ' ไปเอง! ยกมือไหว้ขอโทษแม่ ลูกน้องจับผิด "การบูร" คิดว่าเป็นยาเค แม่ยัน เอาเรื่องถึงที่สุด โดนตำรวจเตะเสยหน้า ลั่น ลูกตนก็มีศักดิ์ศรี





ad1

12 ม.ค. 2565  ผู้กำกับ สภ.สำโรงเหนือ หอบกระเช้าขอโทษผู้เสียหายแทนลูกน้อง หลังจับยาเค แต่กลายเป็นการบูร ด้านแม่ผู้เสียหายบอก ขอโทษก็ส่วนขอโทษ เรื่องคดีขอดำเนินการถึงที่สุด

ความคืบหน้ากรณีคุณเมย์ พี่สาวออกมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีนายซัน น้องชายถูกอาสาตำรวจ พร้อมตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ตรวจค้นรถยนต์ ขณะกำลังขับรถกลับบ้านย่านสมุทรปราการ ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่ม วันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา บริเวณถนนสุขุมวิท ก่อนเข้าซอยแบริ่ง

โดยผู้เสียหายได้จอดรถก่อนถึงด่านเพื่อแชทคุยโทรศัพท์กับเพื่อน จู่ๆ ได้มีอาสาตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์มาเคาะกระจกขอตรวจค้นรถ ก่อน ว.ไปหาตำรวจที่ด่านบอกว่ามียาเสพติด ผู้เสียหายจึงได้โทรศัพท์หาแม่และพี่สาวว่าถูกตำรวจยัดยา จากนั้นถูกจับใส่กุญแจมือ และถูกทำร้ายร่างกาย โดยตำรวจชกเข้าที่หน้า 2 ครั้ง ส่วนอาสาตำรวจทุบที่กลางหลัง

หลังจากที่คุณเมย์ และแม่ มาถึงที่เกิดเหตุ คุณเมย์ได้ถ่ายคลิปช่วงเกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจะเห็นนายซัน ถูกจับใส่กุญแจมือ นั่งอยู่ท้ายรถกระบะตำรวจ คุณเมย์ ได้ถามเหตุการณ์จากคุณซัน ซึ่งก็ยืนยันว่าไม่ใช่ของตัวเอง จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่นายหนึ่ง ระบุเจอยาเสพติดในรถ และตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย และยังบอกอีกว่า เพราะเคตามีนดมเข้าร่างกาย

จากนั้นทางแม่จึงขอดูยาเสพติดที่ตำรวจอ้างว่าพบในรถของลูกชาย มีการเปิดซองออกมาดมโชว์ เท่านั้นแหละแม่บอกว่า “นี่คือการบูร การบูรกูๆ” ซื้อมาไว้ดับกลิ่นในรถ

ซึ่งตำรวจก็ยังกล่าวต่อว่า ผลตรวจปัสสาวะออกมาพบสารเสพติดประเภทที่ 1 ทางแม่จึงถามกลับว่า ในตอนแรกบอกเป็นประเภทที่ 2 จึงแปลกใจที่ตำรวจพูดไม่ตรงกัน ทางแม่ผู้เสียหายจึงขอให้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายอีกรอบ

ปรากฎว่าพอตรวจฉี่รอบ 2 ไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจากในคลิปจะเห็นตำรวจนายหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ดัง เรื่องที่ผู้เสียหายบอกว่าถูกตำรวจยัดยา ทำให้นายซัน ต้องยกมือไหว้ขอโทษ ทั้งที่ไม่ได้มียาเสพติดอยู่จริง

ขณะที่นายซัน เมื่อวานนี้ได้มาออกรายการโหนกระแส พร้อมกับคุณเมย์ พี่สาว และคุณแม่ โดยทั้งหมดยังคาใจในประเด็นที่ตรวจสารเสพติดในปัสสาวะรอบ 2 ไม่พบว่ามีสารเสพติด แทนที่ตำรวจจะขอโทษที่ทำงานผิดพลาด กลับให้ผู้เสียหายไปขอโทษตำรวจ เพราะไปกล่าวหาว่าตำรวจยัดยา ทำให้ตำรวจเสียศักดิ์ศรี

พร้อมทั้งยืนยันว่า หลังเหตุการณ์คืนนั้น ได้พากันเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ที่สภ.สำโรงเหนือ ซึ่งเป็นโรงพักต้นสังกัดของตำรวจที่ตั้งด่านในวันที่เกิดเหตุ แต่ร้อยเวรไม่ให้ลงบันทึกประจำวัน บอกจะช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยให้ กระทั่งทางเจ้าหน้าที่ที่ด่าน มาที่โรงพัก ผู้เสียหายจึงพากันเดินลงจากโรงพักโดยยังไม่ทันได้แจ้งความ จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่เดินตามมาเคาะกระจกรถพูดขู่ว่า “ไม่จบใช่ไหม ถ้าอยากแจ้งความตำรวจก็จะแจ้งความกลับในข้อหา ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน”

ขณะเดียวกันทางตำรวจได้เผยภาพจากกล้องที่ติดหน้าอก เป็นนาทีที่ตำรวจโชว์ถุงการบูร ระบุว่าเป็นสารเสพติด ทางนายซันยืนยันไม่ได้ทำ ทำแบบนี้ได้ยังไง จากนั้นก็ร้องไห้ทรุดลงกับพื้น ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าใจเย็นๆ จากนั้นนายซันได้โทรศัพท์บอกพี่ ว่าถูกตำรวจยัดยา ทางเจ้าหน้าที่บอกมีวิดีโอเป็นหลักฐาน ตั้งแต่ตรวจค้น ทุกอย่างว่ากันด้วยหลักฐาน และมีเจ้าหน้าที่พูดว่า จับมาเป็นพันแล้ว พูดไปเยอะๆ

เบื้องต้นได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่จะต้องลงโทษตามระเบียบ และเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จำนวน 4 นาย ประกอบด้วย ร้อยตำรวจเอก 2 นาย ตำแหน่งรองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สิบตำรวจเอก และสิบตำรวจตรี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งยกเลิกการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครช่วยงานตำรวจแต่ละสายงานทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการ

ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เดินทางมาพร้อมกับลูกน้อง หอบกระเช้ามาขอโทษผู้เสียหายถึงบ้าน

ด้านแม่ดา บอกว่า ตำรวจจะมามอบกระเช้าขอโทษก็ยินดี แต่ยืนยันจะดำเนินคดีกับตำรวจสายตรวจให้ถึงที่สุด เพราะเห็นภาพคลิปหลักฐาน ขณะที่อาซันก้มกราบและถูกตำรวจใช้เท้าเตะเสยหน้าลูกชาย มองว่าเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีเหมือนกัน

วันนี้ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์คุณนฤชา กมุทโยธิน ลงพื้นที่ย่านแบริ่งสำโรง จุดที่ตั้งด่านตรวจ เพื่อหากล้องวงจรปิดนาทีที่ตำรวจและอาสาฯทำร้ายร่างกายนายฮาซัน ตามที่นายฮาซันบอก ซึ่งจุดนี้มีกล้องวงจรปิดหลายตัวอยู่ระหว่างทำเรื่องขอภาพวงจรปิดดังกล่าว

ส่วนชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ ยังเล่าให้ฟังอีกว่าเคยโดนด่านตรวจเมาแล้วขับ จุดเดียวกันนี้ พบปริมาณแอลกอฮอล์ที่วัดได้ 80% ตำรวจจึงยื่นข้อเสนอว่าหากขึ้นศาลจะต้องเสียค่าปรับประมาณ 20,000 บาท แต่ถ้าจ่ายที่โรงพัก 9,000 บาท เรื่องจบไม่ต้องถูกดำเนินคดี