ปิดคดีสะเทือนใจ!ตร.ตามรวบแล้วลูกทรพีรัว8นัดฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าดับหนีกบด่านรีสอร์ทย่านสิชล (มีคลิป)

ปิดคดีสะเทือนใจ!ตร.ตามรวบแล้วลูกทรพีรัว8นัดฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าดับหนีกบด่านรีสอร์ทย่านสิชล (มีคลิป)





ad1

สงขลา-ตำรวจภูธรภาค 9  แถลงข่าว “คดีปิตุฆาต”  สาเหตุมาจากความโกรธสะสมที่ทั้งคู่มีปากเสียงกันมาตลอดและอารมณ์ร้อนทั้งคู่ วันเกิดเหตุลูกลับจากทำงานพ่อเปิดประตูช้า เพราะอายุมาก 88 ปีและหูไม่ค่อยได้ยินจึงทะเลาะกัน คดีนี้ไม่มีการทำแผนตำรวจคัดค้านการประกันตัว 

ความคืบหน้าคดีปิตุฆาต เมื่อนายเสรีย์ กุลดำรงวิวัฒน์ อายุ 60 ปี ใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. กระหน่ำยิงนายพิศ  กุลดำรงวิวัฒน์  อายุ 88ปี พ่อบังเกิดเกล้า 8 นัด เสียชีวิตคาบ้านพักเลขที่ 7 ซอยคงทรัพย์ 2 เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 พย.64 ผ่านมา และตำรวจตามแกะรอยไปจับกุมได้หลังจากขับรถจักรยานยนต์ไปพักอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช  และควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พื้นที่เกิดเหตุ 

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 17พ.ย.64  ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9  พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และตำรวจชุดจับกุม พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9  พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส. 2 บก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.กก.สส.ภ. จ.ว.สงขลา พ.ต.ท.เอกภพ มุสิกปักษ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันแถลงปิดคดี ซึ่งเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนใจให้กับสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่เกิดคดีปิตุฆาตลูกฆ่าพ่อของตัวเอง โดยได้ควบคุมตัวนายเสรีย์ ออกจากห้องขังของ สภ.หาดใหญ่ เดินไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9  แต่ตอนแถลงข่าวไม่นำตัวลงไปแถลงโดยนั่งอยู่ภายในรถและนอนหลับตาตลอดเวลา 

พล.ต.ท. นันทเดช เปิดเผยว่า  คดีนี้สาเหตุมาจากทั้งคู่ทะเลาะกันมาตลอดลูกใจร้อน พ่อก็ใจร้อน จึงใช้อาวุธปืนยิงพ่อของตัวองซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นที่ลูกจะมาฆ่าของตัวเอง และเหตุการณ์นี้ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะลงมือก่อเหตุชัดเจนมาก หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปกับภรรยา โดยขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ADV 150 ทะเบียน 1กศ3645 สงขลา ซึ่งมีการเปลี่ยนป้ายทะเบียนเดิมที่มีแค่เลข 8 ซ่อนอาวุธปืนขนาด 11 มม.ไว้ใต้เบาะพร้อมกระสุนเต็มพิกัด 52 นัด ส่วนเบื้องหลังการจับกุมตัวนายเสรีย์  ทาง พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบภาค 9 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา และชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่  ได้ตามแกะรอยจนทราบว่าหลบหนีไปยังพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านภรรยา  จึงประสานชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.นครศรีธรรมราช เข้าจับกุมได้ภายในรีสอร์ท เมื่อเวลา 19.00 น. เมื่อวานนี้ ซึ่งจับกุมได้ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมของกลางทั้งอาวุธปืนซึ่งเป็นปืนเถื่อนที่ซื้อมาและเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ 

อย่างไรก็ตามการที่ผู้ต้องหารต้องหลบไปนอนที่รีสอร์ท เพราะไม่กล้านอนที่บ้านของภรรยา เนื่องจากตัวภรรยาเอง ก็ไม่ค่อยลงรอยกับญาติ ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องปัญหาภายในครอบครัวที่ทั้งคู่ทะเลาะกันมาตลอด โดยในวันเกิดเหตุลูกชายขับรถจักรยานยนต์กลับจากทำงานมาที่บ้าน และประตูล๊อคอยู่จึงตะโกนเรียกให้พ่อเปิด แต่เนื่องจากพ่ออายุมาก 88 ปี หูไม่ค่อยได้ยิน และเชื่องช้าจึงทำให้โมโหและมีปากเสียงกันจึงบันดาลโทสะใช้ปืนยิงพ่อของตัวเอง โดยบ้านหลังนี้อยู่ด้วยกัน 4 คน คือ พ่อ นายเสรีย์ ภรรยาและลูกเลี้ยงนายเสรีย์ 

ด้าน พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจ.สงขลา เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้ต้องหารายนี้ตำรวจถึงกับสะเทือนใจ เพราะตลอดการซักถามไม่เอ่ยปากเรียกพ่อของตัวเองว่าพ่อ แม้แต่คำเดียวโดยใช้คำว่าเขาตลอด แม้จะรับสารภาพ แต่ก็ไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่ขมาศพพ่อแต่อย่างใด และตอนยิงก็ไม่ได้เมา เพิ่งกลับมาจากทำงาน และไม่มีปัญหาเรื่องอื่น สาเหตุมาจากเรื่องที่กลับมาแล้วพ่อเปิดประตูช้า จึงทะเลาะกัน และเคยมีปากเสียงกันมาตลอดจึงกลายเป็นการสะสมอารมณ์โกรธจึงยิงพ่อของตัวเอง  และขับรถหนีไปกับภรรยาซึ่งเป็นชาว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช  ตำรวจจึงตามไปจับกุมได้ 

หลังแถลงข่าวเสร็จตำรวจได้ควบคุมตัวนายเสรีย์ เดินทางกลับไปยัง สภ.หาดใหญ่ ทันที และไม่มีการทำแผนเนื่องจากนายเสรีย์ ไม่มีความประสงค์ที่จะทำแผน และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี 3 ข้อหา คือฆ่าบุพการี  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะยื่นส่งฟ้องฝากขังต่อศาลจังหวัดสงขลาในวันพรุ่งนี้( 18 พย.64) ร้อมกับคัดค้านการประกันตัว และหากไม่มีใครมายื่นเรื่องประกันหรือศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ก็จะนำตัวส่งเรือนจำจังสงขลาทันที 

ทั้งนี้หลังการถูกจับกุมนายเสรีย์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามหรือพูดถึงเรื่องนี้และสีหน้ายังคงเรียบเฉย.