ผู้เสียหายร้องทุกข์ทนายตั้ม หลังถูกนายกสมาคมกีฬาแห่งหนึ่ง เมาแล้วขับรถหรูชนมาท้ายพังยับ ยอมจ่าย 1 แสน

นายกสมาคมกีฬาแห่งหนึ่ง เมาแล้วขับรถหรูชนมาท้ายพังยับ

ผู้เสียหายร้องทุกข์ทนายตั้ม หลังถูกนายกสมาคมกีฬาแห่งหนึ่ง เมาแล้วขับรถหรูชนมาท้ายพังยับ ยอมจ่าย 1 แสน





ad1

ผู้เสียหายร้องทุกข์ทนายตั้ม หลังถูกนายกสมาคมกีฬาแห่งหนึ่ง เมาแล้วขับรถหรูชนมาท้ายพังยับ ก่อนสลับตัวคนขับให้ลูกชายรับผิดแทน ไม่ยอมจ่ายค่าเสียหาย ล่าสุดคู่กรณียอมจ่าย 1 แสน ให้จบเรื่อง

วันนี้ 11 ก.ค. 65 นายปรินทร รุ่งจินดาพร หรือนายดอน เจ้าของธุรกิจป้ายโฆษณา เข้ามาขอความช่วยเหลือจากทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม เปิดเผยว่า คู่กรณีเป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งหนึ่ง ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายตามที่ตกลงกัน และมีการสับเปลี่ยนคนขับรถ ให้ลูกชายมารับผิดแทนด้วย

หลังเกิดอุบัติเหตุ ตนเองได้ลงจากรถมาเพื่อพูดคุยกับคู่กรณี ซึ่งเจ้าตัวแสดงตัวทันทีว่าเป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ได้กล่าวขอโทษ และบอกว่าขอโทษที พี่ไปดื่มสังสรรค์มาจากสนามกอล์ฟ จากนั้นไม่นาน ลูกชายของคู่กรณี 2 คน ก็ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ ซึ่งทราบว่า 1 คนเป็นตำรวจ ตรงที่เกิดเหตุ มีการพูดคุยเจรจากันด้วยดี โดยฝ่ายคู่กรณีบอกว่าพร้อมที่จะรับผิดชอบ จ่ายค่าเสียหายให้ ก่อนที่จะนัดไปเจอกันที่สน.ประเวศ เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน พอถึงโรงพัก ปรากฏว่ามีการสับเปลี่ยนคนขับรถ จากนายกสมาคม เปลี่ยนให้ลูกชายมารับผิดแทน ตอนนั้นตนเองไม่ได้โต้แย้งอะไร เพราะไม่รู้กฎหมาย และมองว่าฝั่งคู่กรณีเป็นผู้ใหญ่ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยที่สน.ประเวศ ก็ได้แยกย้ายกัน หลังจากนั้นก็พยายามติดต่อคู่กรณีมาโดยตลอด เพื่อทวงค่าเช่ารถทดแทน ระหว่างที่ต้องนำรถเข้าซ่อม แต่ไม่ได้ข้อสรุป ก่อนคู่กรณีเงียบหายไป ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 4 หมื่นบาท รู้สึกผิดหวังที่ไว้ใจคู่กรณี

หลังจากแถลงข่าวไปไม่ถึง 30 นาที ก็มีสายจากลูกชายของนายกสมาคมกีฬาคนนี้ โทรเข้ามาเจรจากับ ผู้เสียหาย ยืนยันว่า ไม่หายไปไหน และกำลังติดต่อรถเช่าให้อยู่ พร้อมขอเลขบัญชี และจะโอนเงินค่าเสียหายให้ ในส่วนที่ไม่มีรถยนต์ไปประกอบอาชีพ ระยะ 30 วัน จากเดิมผู้เสียคิดมาอยู่ที่ สี่หมื่นกว่าบาท สุดท้ายคู่กรณีโอนเงินมาให้ 1 แสนบาท เพื่อจบเรื่อง พร้อมเขียนกำกับในสลิปการโอนว่า “ชดเชยค่าเสียหาย สำหรับคุณปรินทร รุ่งจินดาพร

และล่าสุดผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อไปยังพันตำรวจเอกสุรพงษ์ พุฒขาว ผู้กำกับสน.ประเวศ ได้รับข้อมูลว่า วันที่เกิดเหตุได้มีการเปรียบเทียบปรับ คนที่อ้างว่า เป็นคนขับไปแล้ว ซึ่งวันนั้นทางผู้เสียหายไม่ได้โต้แย้งเรื่องการสับเปลี่ยนคนขับรถแต่อย่างใด จึงไม่รู้ถึงปัญหาในเรื่องนี้

พอทราบเรื่องการสลับตัวคนขับ ก็ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มแล้ว โดยหลังจากนี้ต้องมีการรื้อสำนวนใหม่ เพื่อฟ้องเอาผิดกับคนที่ขับรถตัวจริง นอกจากข้อหาขับรถโดยประมาทแล้ว อาจเพิ่มข้อหาไม่หยุดช่วยเหลือ

ส่วนคนที่มารับผิดแทนคนขับ ก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่าผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนกรณีป้ายทะเบียนรถไม่ตรงกับรถ หรือสวมทะเบียนนั้น จะมีการตรวจสอบไปพร้อมกันหลังจากนี้.