จนท.คุมตัว "ทะเล-เพชร" สอบเครียด ปมปล้นทรัพย์นักธุรกิจชาวสิงคโปร์-ทนายเชื่อคู่กรณีพูดความจริงไม่หมด

จนท.คุมตัว "ทะเล-เพชร" สอบเครียด

จนท.คุมตัว "ทะเล-เพชร" สอบเครียด ปมปล้นทรัพย์นักธุรกิจชาวสิงคโปร์-ทนายเชื่อคู่กรณีพูดความจริงไม่หมด





ad1

10 ก.ค. 2565  จากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง และ กก.สส.บก.น.1 เข้าจับกุม นายธฤต ณ พัทลุง ทายาทไฮโซดัง และ นายเพชร บุญวงษ์ CEO PRX Metaverse หลังชวนเพื่อนบุกปล้นนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ กลางผับหรูย่านห้วยขวาง ก่อนฉกรถยนต์ปอร์เช่ รุ่นคาเยนน์ เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ รวม 4.5 ล้านบาท ตามข่าวที่ได้เสนอไป

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ ที่ สน.ห้วยขวาง พนักงานสอบสวนควบคุมตัวนายธฤต หรือ ทะเล ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อทำการสอบปากคำเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ภายหลังถูกจับกุมตัวจากกรณีถูกนักธุรกิจชาวสิงคโปร์แจ้งความดำเนินคดีฐานร่วมกับพวกรวม 7 คน ปล้นทรัพย์ มูลค่ากว่า 4.5 ล้านบาท และกักขังหน่วงเหนี่ยว เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยนายธฤต ถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง จับกุมได้ที่คอนโดฯ แห่งหนึ่ง เมื่อคืนวานนี้ (9 ก.ค.) และจับกุมตัวนายเพชร เพื่อนสนิท ได้ที่บ้านพัก โดยจนท.ได้แยกสอบปากคำคนละห้อง ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ ทั้งคู่ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว แต่ยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวจริง ซึ่งระหว่างการสอบปากคำ มีทนายความของนายธฤต ร่วมสังเกตการณ์ตลอดเวลา

ทนายความของนายธฤติ ได้เปิดเผยหลังการสอบปากคำว่า ลูกความของตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุปล้นทรัพย์ แต่รับว่ารู้จักกันกับผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ และได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์จริง  แต่ลูกความไม่มีแรงจูงใจที่จะก่อเหตุ เนื่องจากมีธุรกิจและมีรายได้มากพอที่ไม่จำเป็นต้องปล้นใคร  นอกจากนี้ผู้เสียหายรายนี้ยังได้ติดหนี้ลูกความ 1 ล้านบาท โดยกู้ยืมเงินเพื่อไปทำธุรกิจซึ่งมีหลักฐานเอกสารกู้เงินถูกต้อง ส่วนประเด็นรถยนต์ปอร์เช่ ที่อ้างว่าหายไปนั้น เชื่อว่าไม่ได้เป็นของผู้เสียหายเอง อาจยืมคนอื่นมาใช้ และขอยืนยันว่าไม่ได้อยู่กับลูกความ  อีกทั้ง

นอกจากนี้ ผู้เสียหายคนนี้ยังติดหนี้เป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท กับลูกความของตนเอง เพราะมีการกู้ยืมไปทำธุรกิจ โดยมีหลักฐานเอกสารการกู้ยืมถูกต้อง ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า รถยนต์ปอร์เช่ของผู้เสียหายคนนี้สูญหายไป ยืนยันว่า รถยนต์ไม่อยู่กับลูกความของตนเอง และเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวไม่ใช่ของผู้เสียหายคนนี้ อาจจะยืมคนอื่นมาอีกทอดหรือไม่  และยังเชื่อว่า  ผู้เสียหายชาวสิงคโปร์พูดความจริงไม่หมด และกำลังพิจารณาว่าจะแจ้งความกลับ เพราะทั้ง 3 คน มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงในการทำธุรกิจสีเทาบางอย่าง ส่วนกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ ยืนยันว่า ลูกความของตนเองไม่รู้จัก ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวนขยายผล

ทั้งนี้  ทางทนายได้ขอยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวลูกความตนเองในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งทางทนายระบุว่า ลูกความตนเองมีความเครียด เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ