จัดหนัก! "ป๋าชู" ฝากเทียน ตร.-อัยการ เผื่อเทียนหมด-แฉตู้ห่าวมีเงินซื้อรถหรูแต่ไม่จ่ายเงินผู้รับเหมา-มีรถทั่วร์ 4-500 คันแต่เจ้าของคือบริษัทของหลานบิ๊กตู่

ชูวิทย์จัดหนักคดีตู้ห่าว

จัดหนัก! "ป๋าชู" ฝากเทียน ตร.-อัยการ เผื่อเทียนหมด-แฉตู้ห่าวมีเงินซื้อรถหรูแต่ไม่จ่ายเงินผู้รับเหมา-มีรถทั่วร์ 4-500 คันแต่เจ้าของคือบริษัทของหลานบิ๊กตู่





ad1

05 ม.ค. 2565  โรงแรมเดอะเดวิส บางกอก ซ.สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เปิดฉากด้วยการถือตะเกียง พร้อมกล่าวเปรียบเทียบ ว่า บ้านเมืองอยู่ในความมืดมิดไร้ความหวัง ไร้ผู้นำ ในการให้ความยุติธรรม ทั้งยังปักเทียนเปรียบเทียบว่า ผบ.ตร. และอัยการกำลังนั่งเทียนทำสำนวนคดี ทั้งที่พยานหลักฐานไม่แน่นหนาสำนวนอ่อน สังเกตได้จากการแถลงข่าวที่สำนักงานอัยการสูงสุดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อวานนี้ (4 ม.ค.66)

ชูวิทย์ เผยพยานคดีตู้ห่าว ฝากเทียน ตร.-อัยการ ชี้ KPI บิ๊กจ้าว 0 คะแนน

นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า อันดับแรกตนต้องพูดให้ชัดว่าที่ดำเนินการมา คือ การติเพื่อก่อ เนื่องจากเมื่อวานตนเห็นว่าอัยการและตำรวจมีการแถลงข่าวร่วมกัน เฉพาะเรื่องที่หลงจู๊ถูกยกฟ้องก็พูดไม่เต็มปากเต็มคำ ส่วนกล้องวงจรปิดที่ปรากฏภาพภรรยานายตู้ห่าวได้พาคนไปดูที่จังหวัดภูเก็ต คดีนี้นายตู้ห่าวก็หลุดคดี ที่สำคัญ ตนติเพราะการทำงานมันมีพิรุธมากไป อีกทั้งการแถลงข่าวเมื่อวานก็ทำให้สังคมไม่เชื่อถือ ประเด็นที่มีนักข่าวไปสอบถามว่า กรณีที่นายชูวิทย์พูดถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นการหมิ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ นายชูวิทย์ ยืนยันว่าตนไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ตนพูดมันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ขอให้ไปถามเจ้าหน้าที่ได้เลยว่ามีสิ่งไหนที่ตนพูดแล้วเป็นเท็จบ้างหรือไม่

นายชูวิทย์ มองว่าตำรวจทำให้พยานหลักฐานอ่อน เห็นได้จากการเก็บพยานหลักฐานที่ไม่ต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการตัดต่อไฟล์ภาพวงจรปิดในบ่อนกาสิโนลีลาและผับจินหลิง โดยในผับลีลามีบ่อนกาสิโน มีเซิร์ฟเวอร์กล้อง 2 ตัว มีกล้อง 36 ตัว, ในจินหลิง และวิบวับ มีเซิร์ฟเวอร์ 2 ตัว มีกล้อง 20 ตัว แต่เมื่อนำพยานหลักฐานส่งอัยการ ช่วงแรกมีการนำเซิร์ฟเวอร์ส่งอัยการ 2 ตัว และกลับมาแก้ไขในภายหลังเหลือเพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นของผับจินหลิง แต่กลับไม่มีของผับลีลา โดยผู้ที่ส่งพยานหลักฐานดังกล่าวให้อัยการ คือ รองผู้บังคับการที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาปล่อยรถของผู้ต้องหาไป ซึ่งตอนนี้ตนเองมีไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดอยู่ในมือแล้ว ซึ่งมีภาพจำนวนมากกว่า 1000 ไฟล์

ส่วนเรื่องการสอบพยานที่ตำรวจอ้างว่า มีพยาน 10 ปาก ซึ่งอยู่ในผับดังกล่าว แต่นายชูวิทย์ อ้างว่าตนเองมีข้อมูลว่าภายในผับดังกล่าวมีพนักงานอยู่ภายในร้านจำนวนมากกว่า 50 คน แต่กลับไม่เคยมีการเรียกพนักงานคนอื่นๆ ไปสอบปากคำ

พร้อมเปิดตัวละครใหม่เป็นหญิงคนหนึ่ง โดยมีภาพวงจรปิดขณะเจ้าตัวเดินทางมาที่ สน.ยานนาวา อ้างว่าเป็นภาพนำถุงขนมเงินสดมาให้รองผู้บังคับการ ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สน.ยานนาวา เพื่อให้ปล่อยรถบางคันออกไป หญิงรายนี้ยังไม่ถูกเรียกไปสอบปากคำเป็นพยานหรือผู้ต้องหาในคดีของรองผู้บังคับการนายดังกล่าว จนเจ้าตัวหลบหนีไป

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับสำนวนของตำรวจ ตนขอฝากเทียนไปให้คนละเล่ม ประกอบด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) เเละในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะท่านนั่งเทียนอยู่ เผื่อว่าเทียนท่านจะหมด เนื่องด้วยเห็นตำรวจบอกว่าทำงานทั้งวันทั้งคืน

ส่วนกรณีที่อัยการบอกว่า สำนวนตำรวจสมบูรณ์ครบถ้วนดีนั้น นายชูวิทย์ ระบุว่า แสดงว่าคุณอยู่ในฝั่งที่ดีเฟนด์ตน เพราะถ้าสำนวนมันสมบูรณ์ สังคมจะกลับมาดูหลักฐานที่ตนนำเสนอทำไม และการทำงานของตำรวจก็เป็นการเก็บหลักฐานแบบเว้นวรรค เว้นหลายวันค่อยเข้าตรวจค้น และอื่นๆ อีกเช่น การกล่าวอ้างถึงเรื่องระเบียบ ป.ป.ส. ที่ทำให้ตำรวจเข้าตรวจค้นไม่ได้ หรือการขยักหลักฐาน ที่บอกว่ามีเยอะเพียงพอแล้ว ไม่ต้องใช้เพิ่ม หรือการปล่อยรถยนต์ของกลาง หรือการที่รองหมา (พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ รอง ผบก.น.6 รักษาการแทน ผกก.สน.ยานนาวา) ปล่อยรถพอร์ชและปล่อยรถยนต์ 11 คันไว้ที่เกิดเหตุ ไม่มีการตรวจ อ้างว่าไม่มีกุญแจ รวมถึงการปล่อย Mr.Shirong Du ซึ่งเป็นคนที่ยืนอยู่ในบ่อนกาสิโนตามปรากฏในคลิปวงจรปิดที่ตนเผยแพร่ไปทางเฟสบุ๊ก นอกจากนี้ การตั้งข้อหากับรองหมาว่ามีการรับผลประโยชน์ ตนอยากถามว่ามีการสอบปากคำคนให้ประโยชน์รองหมาหรือยัง ซึ่งก็คือผู้หญิงชาวจีนรายหนึ่งที่ถือถุงกระดาษใส่เงินจำนวน 600,000 บาท ขึ้นไปยังห้องทำงานที่ สน.ยานนาวา โดยหญิงชาวจีนรายนี้ ชื่อ Zhou Shuailian

ชูวิทย์ เผยพยานคดีตู้ห่าว ฝากเทียน ตร.-อัยการ ชี้ KPI บิ๊กจ้าว 0 คะแนน

ในการแถลงข่าวนายชูวิทย์ เปิดตัวผู้รับเหมาคนหนึ่ง (มีแต่เสียง) ซึ่งปรากฏในคลิปที่นายตู้ห่าว พูดจาข่มขู่เกี่ยวกับอำนาจมืดและปืน โดยผู้รับเหมาคนดังกล่าวยืนยันว่า เห็นนายตู้ห่าว และพวกขนเงินสดครั้งละ 30 ล้านบาท จากผับจินหลิงไปให้กลุ่มบุคคลอื่น

มีนำกลุ่มผู้รับเหมาอีก 7 คน ซึ่งเป็นผู้รับเหมาตามอาคารสถานที่ในเครือข่ายของนายตู้ห่าว และพวกทั่วประเทศ โดยในระหว่างการก่อสร้าง นายตู้ห่าว เร่งรัดให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามสัญญา และมีการใช้คำพูดข่มขู่ แต่เมื่อเสร็จงานแล้วกลับไม่ให้เงินส่วนที่เหลือตามสัญญา บางรายสูงถึง 36 ล้านบาท รวมมูลค่าแล้วมากกว่า 100 ล้านบาท

นางสาวเจี๊ยบ ผู้รับเหมาในเครือข่ายของนายตู้ห่าว ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและลาดกระบัง ติดเงินอยู่ 8 ล้านกว่าบาท ยืนยันว่าขณะนี้ทุกคนได้รับความเดือดร้อนจากเงินที่นายตู้ห่าว และพวก ไม่ยอมจ่าย จนทำให้เป็นปัญหาหนี้สินเดือดร้อนกันทุกคน อีกครั้งในวันที่เข้าไปขอความช่วยเหลือที่สโมสรตำรวจ ตำรวจก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ จนต้องมาขอให้นายชูวิทย์ ช่วยเหลือ

ทั้งนี้ มองว่าคดีดังกล่าวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบอกว่า ทำคดีดังกล่าวเอง แต่กลับไม่เคยลงพื้นที่ไปที่ผับดังกล่าว ยังเชื่อว่าไม่ได้เป็นคนดูแลสำนวนเอง รวมไปถึงอัยการในคดีดังกล่าว จึงทำให้ไม่ทราบแผนผังและรูปแบบห้องต่างๆ ภายในผับดังกล่าว รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ในคดี จึงเกรงว่าจะไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ทั้งหมดครบรอบด้าน

นายชูวิทย์ ยังได้ระบุว่า นายตู้ห่าวมีเงินซื้อรถยนต์โรลส์-รอยซ์ แต่ไม่จ่ายเงินผู้รับเหมา อีกทั้งรถทัวร์จำนวนกว่า 400-500 คันของบริษัท เอ็มแอนด์ เอ็ม ทรานสปอร์ต เซอร์วิส จำกัด ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นบริษัทของตู้ห่าว แต่คนที่เป็นเจ้าของจริงๆ คือ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นของหลาน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตนจึงไม่สงสัยว่าทำไมเรื่องมันถึงหยุดและมีอยู่เท่านี้

"ส่วนการที่ตั้งจเรตำรวจแห่งชาติมาสอบสวนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีดังกล่าว หากทางจเรตำรวจประสงค์จะให้เข้าไปให้ข้อมูล ตนก็ไม่พร้อมที่จะเข้าไปให้ข้อมูลดังกล่าว เพราะเชื่อว่าจเรตำรวจมีข้อมูลดังกล่าวอยู่ในมือแล้ว และเชื่อว่าการตั้งกรรมการสอบสวนของจเรตำรวจจะสามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเพื่อเอาผิดได้" นายชูวิทย์ ระบุ

นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า ต้องการให้นำข้อมูลที่ตนมีทั้งหมดไปอภิปรายไม่ไว้วางใจที่สภาฯ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบในข้อมูลดังกล่าวพร้อมกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่ยืนยันจะไม่รับเป็นนักการเมือง หรือคณะกรรมาธิการคณะใดๆ

ทั้งนี้ เมื่อมีการสอบถามว่า หากสามารถให้คะแนนการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ได้ นายชูวิทย์จะให้คะแนนเต็ม 10 แต่ละหน่วยอย่างไร นายชูวิทย์ ให้คะแนนการทำงานของตำรวจนครบาล 0 คะแนน เนื่องจากมีข้อบกพร่องต่างๆ เป็นจำนวนมาก ส่วนอัยการมองว่ายังทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ยังมีความพยายามที่จะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวจึงให้ 5 คะแนน ส่วนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ถึงแม้ในช่วงแรกจะทำงานชักช้า แต่ในภายหลังดำเนินการในหลายเรื่องค่อนข้างรวดเร็ว จึงให้คะแนน 9 คะแนน ส่วน DSI ที่รับเรื่องไปแล้ว และมีการตั้งเป็นคดีพิเศษให้คะแนนหน่วยงานดังกล่าว 9 คะแนนเท่ากัน.