"วัฒนา เมืองสุข" เสี่ยไก่ ไม่รอดคุก ศาลฏีกาฯยืนคุก-ริบทรัพย์

"วัฒนา เมืองสุข"

"วัฒนา เมืองสุข" เสี่ยไก่ ไม่รอดคุก ศาลฏีกาฯยืนคุก-ริบทรัพย์





Image
ad1

"วัฒนา เมืองสุข" เสี่ยไก่ ไม่รอดคุก ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา ยกคำร้องอุทธรณ์คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้อฯที่ยื่นไว้ สั่งจำคุก99 ปี พร้อมริบทรัพย์

เมื่อวันที่ 4  มี.ค.65   ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา  ให้ "นายวัฒนา เมืองสุข"  อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่รอดจากคดีกระทำความผิดในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ

องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลฎีกาฯคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก 99 ปี คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร  ตามกฏหมายจำคุกได้ 50 ปี พร้อมให้ริบทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด

ทั้งนี้  สืบเนื่องจาก  เมื่อวันที่ 24 ก.ย.63  ศาลฎีกาฯ พิพากษาในคดีดังกล่าว ให้นายวัฒนาจำเลยที่ 1  กระทำผิดตามมาตรา 148 รวมความผิด 11 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 9 ปี รวมจำคุกเป็นเวลา 99 ปี   จำคุกเสี่ยเปี๋ยง หรือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 66 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี จำคุก น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 20 ปี น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 44 ปี จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี ปรับจำเลยที่ 8 จำนวน 2 แสนกว่าบาท และจำคุก นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 9, 11-14 

 อย่างไรก็ตาม นายวัฒนา ได้อุทธรณ์คดีในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ของศาลฎีกาฯ และได้แถลงปิดคดีด้วยวาจา ยืนยันว่าสำนวนการสอบสวนคดีนี้ มีความผิดปกติหลายประเด็น และตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอภิชาติที่แอบอ้างชื่อตัวเองไปเรียกรับผลประโยชน์กับบริษัทเอกชน อีกทั้ง ปปง.ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้วไม่พบความผิดปกติ ซึ่งศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษาคดีในวันนี้ (4 มี.ค.)  โดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์  พิพากษานายวัฒนา ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง 

สำหรับ คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ เป็นคดี หมายเลขดำ อม.อธ. 1/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และพวกรวม 14 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11

คดีนี้เกิดขึ้นในยุคทักษิณ ชินวัตร และเริ่มตรวจสอบการกระทำผิดในช่วงของ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก่อนเปลี่ยนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบสวนต่อ กระทั่งปี 2560 ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด นายวัฒนา พร้อมจำเลยคนอื่นๆ อีก 14 คน กรณีทุจริตเรียกรับสินบนจาก บริษัท พาสทิญ่า จำกัด ผู้รับเหมาโครงการบ้านเอื้ออาทร ผ่านบริษัทและลูกจ้างบริษัท เพรซิเด้นท์เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 82.6 ล้านบาท

เนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายสินบน เพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ โดยหลังจาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนให้อัยการ ปรากฎว่าอัยการพบความไม่สมบูรณ์ในสำนวน จึงต้องตั้งคณะกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นมาพิจารณา สุดท้ายอัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องนายวัฒนากับพวกเป็นจำเลยต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ปัจจุบัน นายวัฒนา ยังดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยช่วยงานคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย หาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า  ขณะที่ นายอริสมันต์ หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา และศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว  แต่หลังจากนี้ เส้นทางการเมืองของนายวัฒนา ต้องยุติลงเป็นการชั่วคราว