"แก้วสรร" แจง มูลนิธิฯ มีอำนาจทำโทษเด็กหากทำผิด- ยอมรับ "ครูยุ่น" เป็นคนพูดไม่สุภาพ -เด็กที่ไปทำงานในรีสอร์ต ไปขอทำเอง ไม่ได้บังคับ

"แก้วสรร" แจง มูลนิธิฯ มีอำนาจทำโทษเด็กหากทำผิด- ยอมรับ "ครูยุ่น" เป็นคนพูดไม่สุภาพ

"แก้วสรร" แจง มูลนิธิฯ มีอำนาจทำโทษเด็กหากทำผิด- ยอมรับ "ครูยุ่น" เป็นคนพูดไม่สุภาพ -เด็กที่ไปทำงานในรีสอร์ต ไปขอทำเอง ไม่ได้บังคับ





ad1

03 พ.ย. 2565 ความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปในมูลนิธิคุ้มครองเด็กชื่อดังใน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม หลังถูกร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมทำร้ายร่างกายและใช้แรงงานนั้น

ล่าสุด นายแก้วสรร อติโพธิ ประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ชี้แจงว่า มูลนิธิฯ มีอำนาจลงโทษเด็กในความดูแลได้หากเด็กทำผิด แต่ยอมรับว่า นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็กเป็นคนพูดไม่สุภาพ ส่วนกรณีการนำเด็กในมูลนิธิฯ ไปทำงานในรีสอร์ต ไม่ได้เป็นการใช้แรงงานเด็ก แต่เด็กเป็นฝ่ายขอทำงานเอง ไม่มีการบังคับ หากพบครูยุ่นทำเกินกว่าเหตุ ก็ให้ครูยุ่นออกจากมูลนิธิฯได้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิบุกเข้าไปนำเด็กออกมา เพราะทำให้เกิดความวุ่นวาย จนผู้ปกครองเดือดร้อน

ขณะที่ นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก อดีต ส.ว.สมุทรสงคราม ได้เดินทางที่มูลนิธิคุ้มครองเด็ก ต.สวนหลวง อ.อัมพวา แล้วเดินเข้าไปทักทายนายแก้วสรร และทนายความ โดยครูยุ่น บอกว่า ตนจะไปที่ สภ.อัมพวา จากนั้นนั่งรถออกไปที่ สภ.อัมพวา พบพนักงานสอบสวน จนเวลา 12.30 น.ครูยุ่น จึงออกมาพร้อมเผยว่า ตนเองมาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อหาทำร้ายร่างกายเด็ก และอาจจะมีข้อหาใช้แรงงานเด็กด้วย ขณะที่มีกระแสข่าวว่า เวลา 16.00 น.วันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีกำหนดการจะลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามเพี่อติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดีนี้ให้มีการออกหมายจับครูยุ่น ด้วย

ล่าสุด เย็นวานนี้ได้มีการนำตัวเด็กออกมาได้อีก 23 คน ไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงคราม จึงเหลือเด็กอีก 24 คน ที่สมัครใจอยู่ในมูลนิธิต่อ เป็นเด็กเล็ก 14 คน และเด็กโต 10 คน อายุน้อยที่สุด 2 ขวบ และอายุมากที่สุด 16 ปี ซึ่งแต่เดิมมูลนิธิมีเด็กในความดูแลทั้งหมด 55 คน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงคราม และทีมสหวิชาชีพ ตำรวจ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสอบถามเด็กและผู้เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเสนอจังหวัดพิจารณา หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง เช่น กระทำทารุณกรรมเด็ก ใช้แรงงานเด็กตามที่มีผู้ร้องเรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตมูลนิธิดังกล่าวได้