ผอ.รพ.กบินทร์บุรี แจงผู้ป่วยเสียชีวิตไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 (มีคลิป)


ปราจีนบุรี–ชาวบ้านร้องทุกข์! ผ่านเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้" รีเทิร์น" และ ร้องผ่านนักข่าวในพื้นที่ รพ.ปล่อยพ่อเป็นคนป่วยโควิด -19 ตายอนาถ!!!!!ผอ.แจง เป็นผู้ป่วยทั่วไป ไม่ใช่ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด -19 เป็นผู้ป่วยเข้ามารับบริการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.กบินทร์บุรี ด้วยอาการของโรคเลือดออกทางเดินอาหาร เสียชีวิตด้วยสาเหตุภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารและภาวะช็อค
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 2 ต.ค.2564 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้าจากที่ พบมีการโพสต์ในเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 ได้ระบุข้อความพร้อมภาพ ว่า ... โรงพยาบาลกบินทร์บุรี ปล่อยคนไข้รอจนเสียชีวิต จริงหรือไม่ ปชช.ร้องมา สธ.จังหวัด ผอ.รพ. ชี้แจงเยียวยาให้ญาติผู้สูญเสียด้วย การที่คุณปล่อยคนไข้ไว้แบบนี้ คุณทำถูกแล้วใช่ไหม
ไปหาหมอตั้งแต่เช้า นอนอยู่แบบนี้ไม่ได้รับการตรวจ ไม่ได้รับการดูแล คุณปล่อยคนไข้ตาย จนญาติต้องวิ่งไปเขย่าเตียง ถึงรู้ว่าคนไข่ไม่อยู่ด้วยแล้ว มันถูกแล้วใช่ไหมจะรับผิดชอบยังไง ? -มันแย่ไปหมดเลย ไปหาหมอเป็นสิบๆรอบ แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
สุดท้ายมาบอกว่าปอดติดเชื้อ รักษาไม่ทัน-ไปรักษาอยู่ รพ. กบินทร์ เหมือนไปตาย แย่ห่วยที่สุด-เหมือนพ่อปู่เราเรย..เคสพ่อปู่เราติดโควิดอาการก็ออก..ให้นอนรอเตียงจนเชื้อลงปอด..ปอดบวมจนเสีย..ความรับผิดชอบก้ไม่มี..แย่มาก #เสียใจด้วยนะคะ
และพร้อมกันนี้ ทางผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีเอง ก็ได้รับการร้องทุกข์ชาวบ้านจากญาติของผู้เสียชีวิตป่วยโควิด -19 รายเดียวกันนี้ที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี เช่นกันในกรณีดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ญาติได้โพสต์ลง facebook เมื่อบ่ายวันที่ 30ก.ย.64ที่ผ่านมาโดยระบุข้อความว่า
…."การที่คุณปล่อยคนไข้ไว้แบบนี้คุณทำถูกแล้วใช่ไหมไปหาหมอตั้งแต่เช้า นอนอยู่แบบนี้ไม่ได้รับการตรวจไม่ได้รับการดูแลคุณปล่อยให้คนไข้ตายจนญาติต้องวิ่งไปเขย่าเตียง ถึงรู้ว่าคนไข้ไม่ได้อยู่ด้วยแล้วมันถูกต้องแล้วใช่ไหมจะรับผิดชอบอย่างไร"
เบื้องต้นทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปยังวัดวังตะเคียนคลองนางเลิง ม.17ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่กำลังตั้งศพผู้เสียชีวิตบำเพ็ญกุศลอยู่ เพื่อสอบถามรายละเอียด ข้อเท็จจริงจากทางญาติผู้เสียชีวิต โดยได้พบกับนางนิ่มนวลเภาคำ อายุ50 ปี และ น.ส.ลัดชา มารวยอายุ 16 ปี (ลูกสาว) ทั้ง 2 กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตคือนายบุญเชิด มารวย อายุ 62ปี(สามี) ได้ส่งตัวนายบุญเชิดเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรีตั้งแต่วันที่30ก.ย.ตั้งแต่เช้า ทางเจ้าหน้าที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินเข็นเตียงคนไข้ออกมารออยู่ด้านนอก ไม่ได้ทำการรักษาให้ รออยู่อย่างนั้นกระทั่งบ่าย สอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่าทางแพทย์พยาบาลได้ทำการรักษาคนป่วยโควิด-19 คนอื่น อย่างต่อเนื่อง ให้รอก่อน
สมคิด ยินประโคน ผอ.รพ.กบินทร์บุรี
รอจนกระทั่งบ่ายแดดก็ส่อง ก็ยังไม่ได้รับการรักษา กระทั่งรอนานจนผิดสังเกต จึงเข้าไปพูดคุยกับคนไข้ซึ่งก่อนหน้านี้พูดจาได้ เมื่อไปจับเตียงเห็นว่าคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงนั้นไม่ไหวติงนอนแน่นิ่งไปแล้วไม่รับรู้หรือตอบสนองใด ๆ ถามไม่ตอบเขย่าเตียงแล้วบอกกับเจ้าหน้าที่จึงออกมาเข็นคนป่วยเข้าห้องฉุกเฉินประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่ออกมาบอกว่าคนป่วยเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากปอดติดเชื้อหนาเกร็ดเม็ดเลือดต่ำทำให้ภาวะหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต
ตนรู้สึกงง เพราะคนไข้มีอาการเจ็บด้านขวา มีอาการมึนชาแต่มารักษาคุณหมอบอกว่าเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว มันขัดกันกับการเสียชีวิตของผู้ป่วยหากทำการรักษาเร็วกว่านี้ คนไข้อาจจะไม่เสียชีวิต การเสียชีวิตของคนไข้ในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลบอกว่าทางโรงพยาบาลมีความเสียใจกับการเสียชีวิตของคนไข้และจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ด้านนายสมคิด ยินประโคน ผอ.รพ.กบินทร์บุรี จะได้มีการชี้แจงกรณีดังกล่าวนี้ต่อไป ตามที่ได้นำเสนอรายละเอียดไปแล้วก่อนหน้า นี้นั้น
คืบหน้าล่าสุดนี้ เวลา 16.00 น. นายสมคิด ยินประโคน ผอ.รพ.กบินทร์บุรี กล่าวว่า “กรณีการเสียชีวิตของนายบุญเชิด มารวย อายุ 62ปี เสียชีวิตเมื่อบ่ายวันที่30กย. ที่มีการร้องทุกข์ผ่านเพจ ผ่านนักข่าว นั้น เป็นผู้ป่วยทั่วไป ไม่ใช่ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด -19 เป็นผู้ป่วยเข้ามารับบริการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.กบินทร์บุรี ด้วยอาการของโรคเลือดออกทางเดินอาหาร
หลังจากพิจารณาในเบื้องต้นรับผู้ป่วยแล้ว ให้ทางผู้ป่วยได้ทำการรักษาที่ห้องอายุรกรรมชาย แต่ก่อนการเข้าแอดมิดนั้น ต้องผ่านการคัดกรองโรคโควิด -19 ก่อน เหมือนถูกกันให้รอด้านนอก เพื่อรับผู้ป่วย เนื่องจากว่าที่ผ่านมาทางโรงพยาบาล มีคนไข้ที่ติดเชื้อโควิด-19 มาทำการตรวจรักษาเป็นจำนวนมาก
และ ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลต้องดูแลคนไข้เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้คนไข้ต้องรอนาน ทางพยาบาลได้มาสอบถามญาติคนไข้เป็นระยะสุดท้าย คนไข้ได้มีอาการอ่อนแรง หลังจากที่เจ้าหน้าที่พยาบาลทราบจากญาติคนป่วยว่าคนไข้มีอาการอ่อนแรง จึงนำตัวเข้าทำการรักษาในห้อง แต่ก็ไม่สามารถทำการรักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงทีจากเหตุการณ์ จนทำให้ผู้ป่วยมีอาการแย่ทรุดลงและเสียชีวิตด้วยสาเหตุภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารและภาวะช็อค ”นายสมคิดกล่าว
และกล่าวต่อไปว่า “จากเหตุการณ์ดังกล่าวทีเกิดขั้นนี้ ทางโรงพยาบาลฯไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย โรงพยาบาลจะให้การเยียวยาครอบครัวกับผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ และ จะกำชับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่หน้าตึกผู้ป่วยฉุกเฉินอุบัติเหตุเคร่งครัด ในการปฏิบัติหน้าที่มากกว่านี้
ซึ่งจากการพูดคุยทางญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต แต่อยากให้มีการบริการผู้ป่วยให้ได้มาตรฐานจึงได้ร้องทุกข์ผ่านเพจ และ ผ่านสื่อมวลชน และจะแก้ไขในด้านการบริการทั้งการต้อนรับและให้บริการที่มีมาตราฐานในการบริการกับประชาชนที่มาทำการรักษาให้ดียิ่งขึ้น