ชาวสวนใต้ร้องรัฐออกกฎเหล็กขายผลปาล์มต้องแจ้งยืนยันตัวตน-ห้ามรับซื้อผลปาล์มไม่ปรากฎแหล่งที่มา


จังหวัดพัทลุง ออกโรงประกาศเข้ม “คนลักขโมยปาล์มน้ำมัน” ระบุ โซนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา รอยต่อ 3 จังหวัด พัทลุง สงขลา นคศรีฯ อาการหนัก ระบุ ประกาศจังหวัดพัทลุง สามารถนำไปขยายผลบังคับใช้กับพืชผัก ผลไม้ ยางพรา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายโอภาส หนูชิต สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดพัทลุง เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน จ.พัทลุง และ อดีตประธานชุมนุมสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุ’เปิดเผยว่า ตามที่สภาเกษตรกรจังหวัดพัทลุง ได้ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทางนายปรีชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ตอบรับอย่างทันท่วงทีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567 นี้ จึงได้ย้ำถึงประกาศจังหวัดพัทลุง เรื่องการยืนยันตัวตนในการจำหน่ายผลปาล์มน้ำมัน พ.ศ. 2567 ตามที่จังหวัดพัทลุง ได้ออกประกาศเรื่องการยืนยันตัวตนในการจำหน่ายผลปาล์มน้ำมันลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะจำหน่ายผลปาล์มน้ำมัน ณ สถานที่รับซื้อ จะต้องแจ้งยืนยันตัวตนโดยยื่นสำเนาบัตรประชาชนของผู้นำผลปาล์มน้ำมันไปจำหน่ายด้วยทุกครั้ง และห้ามรับซื้อผลปาล์มน้ำมันไม่ปรากฏแหล่งที่มา เพื่อเป็นการป้องกันการลักขโมยและจำหน่ายผลผปาล์มน้ำมัน และจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร จ.พัทลุงด้วย ที่เกิดการมีการลักขโมยปาล์มน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
นายโอภาส กล่าวว่า ดังนั้น ตามประกาศจังหวัดพัทลุง 1. ให้ผู้จำหน่ายที่ใช้ในการผลปาล์มน้ำมันทะเบียนรถที่ใช้ในการบรรทุกผลปาล์มน้ำมันกับผู้ประกอบการจุดรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน ณ จุดรับซื้อ จะต้องยื่นสมุดทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันฉบับตัวจริง หรือเอกสารรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกร 2. ให้ผู้จำหน่ายผลปาล์มน้ำมันต้องแจ้งข้อมูลทะเบียนรถที่ใช้ในการบรรทุกผลปาล์มน้ำมันกับผู้ประกอบการจุดรับซื้อ ลานเท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 3. ห้ามมิให้ผู้ประกอบการจุดรับ และโรงงานสกัดรับซื้อที่ไม่ปรากฏแหล่งที่มา ทั้งนี้ ทาง จ.พัทลุง จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประทำความผิดทันที
นายโอภาส กล่าวอีกว่า การลักขโมยผลปาล์มน้ำมันจะเกิดมานานแล้วและเป็นบางช่วง ๆ ซึ่งจะเกิดไปทุกพื้นที่ที่เป็นสวนปาล์มน้ำมัน เนื่องจากเจ้าของสวนไม่สามารถได้ดูแลได้อย่างทั่วถึงและสวนปาล์มน้ำมันจะห่างไกลอยู่กับที่พักอยู่อาศัย กลุ่มผู้ลักขโมยจึงมีโอกาสมากในบางช่วงเวลา จึงสามารถนำรถ 3 ล้อพ่วง และรถกะบะเข้าไปตัดลักขโมยปาล์มน้ำมัน ได้ และหากตัดได้ 1 รถกระะบะจะจุได้ประมาณ 1 ตัน ราคาเวลานี้จะได้เป็นเงินถึง 6,000 บาท เป็นต้น
“กลุ่มลักขโมยปาล์มน้ำมันจะเกิดขึ้นมากในทุกพื้นที่ที่มีสวนปาล์มนำมัน แต่จะเกิดเหตุมากในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา รอยต่อ 3 จังหวัด จ.พัทลุง จ.สงขลา จรดถึง จ.นครศรีธรรมราช”
นายโอภาส กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหารลักขโมยหากใช้มาตรการประกาศจังหวัดพัทลุง เรื่องการยืนยันตัวตนในการจำหน่ายผลปาล์มน้ำมัน ลงวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2565 อย่างต่อเนื่องเคร่งครัด ปัญหาการลักขโมยปาล์มน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประกาศจังหวัดพัทลุงฉบับนี้ ก็ยังสามารถขยายผลนำไปบังคับใช้กับพืชผักผลไม้ตัวอื่น ๆ ในการป้องกันการลักขโมย เช่น ทุเรียน มังคุด ยางพารา ฯลฯ ก็จะเกิดประสิทธิภาพเช่นกัน.