ทูตอินโดฯ ชื่นชม โครงการแกล้งดิน ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมศึกษานำไปพัฒนาดินเปรี้ยวในอินโดนีเซีย

ทูตอินโดฯ ชื่นชม โครงการแกล้งดิน ในหลวงรัชกาลที่ 9 พร้อมศึกษานำไปพัฒนาดินเปรี้ยวในอินโดนีเซีย





ad1

คณะทูต 12 ประเทศจากโลกมุสลิม เยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  "พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต" ผ่านการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่เปรียบเสมือนตัวอย่างแห่งความสำเร็จของการศึกษาและการพัฒนา ให้ประชาชนนำไปเป็นต้นแบบการปฏิบัติด้านการเกษตร

โดย ศอ.บต. และ จังวัดนราธิวาส นำคณะทูตชมโครงการต่างๆที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ดำเนินงาน เพื่อให้เห็นถึงความใส่ใจความทุกข์ยากของราษฎร ที่เจอสภาวะปัญหาดินเปรี้ยว ทำการเกษตรไม่ได้ เนื่องจากจังหวัดนราธิวาสมีลักษณะพื้นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำขังตลอดทั้งปี เป็นหน้าดินคุณภาพต่ำไม่เหมาะแก่การทำเกษตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทรงพระราชทานพระราชดำริให้ก่อตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง ในปี 2525 ให้ศึกษาวิจัยทดลอง หาแนวทางพัฒนาดินเปรี้ยวให้สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างเหมาะสม โดยภายหลังทำการวิจัย ก็สามารถทำการเกษตร ปลูกผลไม้ได้หลากหลายชนิด 

นายฟูอาด อาเดรียนชา อัครราชทูตอินโดนีเซีย กล่าวถึงโครงการแกล้งดิน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า จากการได้ฟัง และเยี่ยมชมศูนย์การศึกษาพิกุลทอง ได้รับข้อมูลว่า ดินเปรี้ยวหรือดินที่เป็นกรด หรือแม้แต่ดินเสีย ก็สามารถใช้ทำการเกษตรได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ประเทศอินโดนีเซีย ก็มีปัญหาในลักษณะนี้ จึงอาจต้องแลกเปลี่ยนงานวิจัย เรียนรู้การแกล้งดิน เพื่อนำไปพัฒนาผืนดินในอินโดฯบ้าง ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 3 วัน ที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เรียนรู้ว่าประเทศไทย รัฐบาลไทยได้พยายามดูแลประชาชน 3 จังหวัด ทั้งเรื่องการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ คณะทูตยังได้เยี่ยมชมการสาธิตการระบายสีเซรามิก พร้อมชมสินค้า OTOP และสินค้าทางการเกษตรที่ปลูกในพื้นที่สาธิตการทำการเกษตร ปลอดสารเคมี 100% ด้วย 

โดย...ข่าว.แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส